นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า เหตุที่กรุงเทพมหานครเรียกเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสุขุมวิท ส่วนต่อจากสถานีอ่อนนุช-แบริ่งในอัตราเดียว 15 บาทตลอดสาย เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวมีระยะทางค่อนข้างไกล และต้องการให้ระบบการจัดเก็บค่าโดยสารรวมถึงการแบ่งรายได้ระหว่างกรุงเทพมหานครกับบีทีเอส มีความชัดเจนและเป็นไปตามหลักสากล
ทั้งนี้หากผู้โดยสารใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสุขุมวิทจะเสียค่าโดยสารตามระยะทาง ตั้งแต่ 15-40 บาท แต่เมื่อเข้าสู่เส้นทางส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่ง ซึ่งประกอบด้วย 5 สถานีคือ บางจาก ปุณณวิถี อุดมสุข บางนา และแบริ่ง จะต้องเสียค่าโดยสารเพิ่มอีก 15 บาท รวมค่าโดยสารสูงสุด 55 บาท
ขณะที่รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีลม ส่วนต่อขยายจากสถานีสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ จะจัดเก็บค่าโดยสารเพียง 10 บาทตลอดสาย เนื่องจากเป็นระยะทางที่ค่อนข้างสั้น และไม่ต้องการให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าโดยสารที่สูงเกินไป
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครจะเร่งเดินหน้าโครงการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีลม ส่วนต่อขยายจากสถานีสะพานตากสิน-เพชรเกษม คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มเส้นทางภายในวันที่ 12 สิงหาคม 2556 เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟฟ้าเข้าสู่ใจกลางฝั่งธนบุรี ประกอบด้วย 4 สถานี ได้แก่ โพธินิมิตร ตลาดพลู วุฒากาศ และบางหว้า
ทั้งนี้หากผู้โดยสารใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสุขุมวิทจะเสียค่าโดยสารตามระยะทาง ตั้งแต่ 15-40 บาท แต่เมื่อเข้าสู่เส้นทางส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่ง ซึ่งประกอบด้วย 5 สถานีคือ บางจาก ปุณณวิถี อุดมสุข บางนา และแบริ่ง จะต้องเสียค่าโดยสารเพิ่มอีก 15 บาท รวมค่าโดยสารสูงสุด 55 บาท
ขณะที่รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีลม ส่วนต่อขยายจากสถานีสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ จะจัดเก็บค่าโดยสารเพียง 10 บาทตลอดสาย เนื่องจากเป็นระยะทางที่ค่อนข้างสั้น และไม่ต้องการให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าโดยสารที่สูงเกินไป
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครจะเร่งเดินหน้าโครงการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีลม ส่วนต่อขยายจากสถานีสะพานตากสิน-เพชรเกษม คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มเส้นทางภายในวันที่ 12 สิงหาคม 2556 เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟฟ้าเข้าสู่ใจกลางฝั่งธนบุรี ประกอบด้วย 4 สถานี ได้แก่ โพธินิมิตร ตลาดพลู วุฒากาศ และบางหว้า