พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ในฐานะรองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รน.ภาค 4 สน.) กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัย และการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เน้นย้ำเรื่องการตรวจสอบระบบข้อมูลบุคคลและยานพาหนะ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยให้หน่วยเฉพาะกิจประจำพื้นที่ มีความพร้อมด้านกำลังพล ให้สามารถกดดันและจำกัดเสรีผู้ก่อเหตุรุนแรง โดยมุ่งเน้นให้เกิดเอกภาพในการปฏิบัติงานร่วมกันของทุกหน่วย ทั้ง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และศูนย์ราชการจังหวัด จะต้องร่วมกันปฏิบัติงานภายใต้ยุทธศาสตร์ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ โดยจะเชิญทุกฝ่ายร่วมประชุมหารือ เพื่อหาแนวทางบูรณาการการปฏิบัติงานที่เหมาะสม
สำหรับระดับพื้นที่ ขอให้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ดังนั้นทุกหน่วยงานต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการปฏิบัติงานร่วมกัน โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของการบังคับบัญชา และงบประมาณ รวมทั้งให้ทุกหน่วยแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ด้วยการชี้แจงเรื่องราวต่างๆ ที่จะนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้าใจ นอกจากนั้นยังได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยไม่สร้างเงื่อนไขที่จะเป็นประเด็นเข้าสู่องค์การการประชุมอิสลาม หรือ โอไอซี เช่น ทหาร เด็ก การละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน หรือการบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นธรรม
ในช่วงที่ผ่านมา ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทุ่มเทปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ มีผลงานเป็นรูปธรรมหลายอย่าง ทั้งเรื่องการรุกทางทหาร และการจัดการกับปัญหาภัยแทรกซ้อน โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด น้ำมันเถื่อน ที่พบว่ามีเครือข่ายเชื่อมโยงผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง
รองโฆษก กอ.รน.ภาค 4 สน. กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีเหตุการณ์ลอบวางระเบิด เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ แต่ยังเกิดช่องว่าง จึงต้องปรับปรุงแก้ไขทั้งเรื่องการข่าว และมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยขอให้ทุกหน่วยตระหนักถึงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแบ่งพื้นที่ความรับผิดชอบในเขตเมืองให้มีเอกภาพ โดยกำหนดแผนปฏิบัติการ มีขั้นตอนการปฏิบัติ และการแบ่งมอบพื้นที่ให้หน่วยต่างๆ ชัดเจน มีการซักซ้อมต่อเนื่อง และควรกำหนดมาตรการควบคุมบุคคลและยานพาหนะ สำหรับในพื้นที่ชุมชน โรงเรียน ตลาด จะต้องมีมาตรการเข้มงวดตลอดเวลา
สำหรับระดับพื้นที่ ขอให้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ดังนั้นทุกหน่วยงานต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการปฏิบัติงานร่วมกัน โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของการบังคับบัญชา และงบประมาณ รวมทั้งให้ทุกหน่วยแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ด้วยการชี้แจงเรื่องราวต่างๆ ที่จะนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้าใจ นอกจากนั้นยังได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยไม่สร้างเงื่อนไขที่จะเป็นประเด็นเข้าสู่องค์การการประชุมอิสลาม หรือ โอไอซี เช่น ทหาร เด็ก การละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน หรือการบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นธรรม
ในช่วงที่ผ่านมา ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทุ่มเทปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ มีผลงานเป็นรูปธรรมหลายอย่าง ทั้งเรื่องการรุกทางทหาร และการจัดการกับปัญหาภัยแทรกซ้อน โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด น้ำมันเถื่อน ที่พบว่ามีเครือข่ายเชื่อมโยงผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง
รองโฆษก กอ.รน.ภาค 4 สน. กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีเหตุการณ์ลอบวางระเบิด เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ แต่ยังเกิดช่องว่าง จึงต้องปรับปรุงแก้ไขทั้งเรื่องการข่าว และมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยขอให้ทุกหน่วยตระหนักถึงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแบ่งพื้นที่ความรับผิดชอบในเขตเมืองให้มีเอกภาพ โดยกำหนดแผนปฏิบัติการ มีขั้นตอนการปฏิบัติ และการแบ่งมอบพื้นที่ให้หน่วยต่างๆ ชัดเจน มีการซักซ้อมต่อเนื่อง และควรกำหนดมาตรการควบคุมบุคคลและยานพาหนะ สำหรับในพื้นที่ชุมชน โรงเรียน ตลาด จะต้องมีมาตรการเข้มงวดตลอดเวลา