มิตต์ รอมนีย์ คืนฟอร์มอีกครั้ง สามารถวิ่งแรงทิ้งห่าง ริก แซนทอรัม เข้าวินอย่างง่ายดาย ในการเลือกตั้งเบื้องต้นที่มลรัฐอิลลินอยส์เมื่อวันอังคาร(20) ขยับเข้าใกล้การได้เป็นตัวแทนรีพับลิกันลงเลือกตั้งชิงทำเนียบขาวอีกหนึ่งก้าว กระนั้น ยังคงมีอีกหลายมลรัฐให้ลุ้น และแนวโน้มที่ศึกภายในรีพับลิกันจะยืดเยื้อจนถึงกลางปี ส่งให้โอบามาและเดโมแครตอยู่ในฐานะได้เปรียบโดยปริยาย
จากการนับคะแนนการหยั่งเสียงที่ผ่านไป 99% รอมนีย์นำโด่งด้วยคะแนน 46.7% ทิ้งแซนทอรัมที่ได้ 35% ส่วนที่ 3 คือรอน พอล ได้ 9.3% และนิวต์ กิงกริช หล่นไปอยู่ที่ 4 ได้ 8%
แม้ไม่สามารถเอาชนะใจกลุ่มอนุรักษนิยมได้ แต่จากการคำนวณล่าสุดของซีเอ็นเอ็น รอมนีย์มีจำนวนผู้แทนที่จะไปออกเสียงในที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันเดือนสิงหาคมนี้ 540 คน แล้ว ส่วนแซนทอรัมมีเพียง 239 คน ทั้งนี้ ผู้ชนะจำเป็นต้องมีผู้แทน 1,144 คน จึงจะรับประกันได้ว่าที่ประชุมใหญ่รีพับลิกันจะโหวตให้เป็นผู้สมัครของพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับตัวแทนพรรคเดโมแครต ซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามา กลายเป็นผู้ชนะไปแล้วโดยปริยายเพราะไร้คู่แข่ง
แซนทอรัมและกิงกริช ต่างหวังว่า จะสามารถกันไม่ให้รอมนีย์ได้ผู้แทนเพียงพอตั้งแต่ก่อนการแข่งขันสิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน จากนั้นก็ไปรอวัดใจว่า เมื่อถึงการประชุมใหญ่ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแทมปา มลรัฐฟลอดินา ตัวแทนอนุรักษ์นิยมสุดขั้วในพรรคจะเสนอชื่อใครเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ความพ่ายแพ้ที่อิลลินอยส์ทำให้หนทางข้างหน้าของแซนทอรัมยากลำบากขึ้น แม้สนามถัดไปในลุยเซียนา ซึ่งเป็นรัฐอนุรักษ์นิยมในวันเสาร์นี้ (24) คาดว่าเขาจะทำคะแนนได้ดีก็ตาม
ศึกภายในรีพับลิกันที่ยืดเยื้อต้องถือว่าเข้าทางโอบามาอย่างมาก และยังอาจทำให้รีพับลิกันเสียเปรียบในการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐและสมาชิกรัฐสภาซึ่งจะจัดขึ้นพร้อมๆ กับการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 6 พฤศจิกายน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรอมนีย์ยังไม่สามารถเก็บเสียงข้างมากได้เมื่อไปถึงการเลือกตั้งขั้นต้นที่แคลิฟอร์เนียและอีก 4 มลรัฐในวันที่ 5 มิถุนายน
กระนั้น รอมนีย์ถือโอกาสคว้าชัยชนะในอิลลินอยส์โจมตีนโยบายเศรษฐกิจของโอบามา และระบุว่าการเลือกตั้งในวันที่ 6 พฤศจิกายนคือการเลือกระหว่าง “เสรีภาพทางเศรษฐกิจ” กับ “กฎระเบียบที่เข่นฆ่าการจ้างงาน”
จากการนับคะแนนการหยั่งเสียงที่ผ่านไป 99% รอมนีย์นำโด่งด้วยคะแนน 46.7% ทิ้งแซนทอรัมที่ได้ 35% ส่วนที่ 3 คือรอน พอล ได้ 9.3% และนิวต์ กิงกริช หล่นไปอยู่ที่ 4 ได้ 8%
แม้ไม่สามารถเอาชนะใจกลุ่มอนุรักษนิยมได้ แต่จากการคำนวณล่าสุดของซีเอ็นเอ็น รอมนีย์มีจำนวนผู้แทนที่จะไปออกเสียงในที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันเดือนสิงหาคมนี้ 540 คน แล้ว ส่วนแซนทอรัมมีเพียง 239 คน ทั้งนี้ ผู้ชนะจำเป็นต้องมีผู้แทน 1,144 คน จึงจะรับประกันได้ว่าที่ประชุมใหญ่รีพับลิกันจะโหวตให้เป็นผู้สมัครของพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับตัวแทนพรรคเดโมแครต ซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามา กลายเป็นผู้ชนะไปแล้วโดยปริยายเพราะไร้คู่แข่ง
แซนทอรัมและกิงกริช ต่างหวังว่า จะสามารถกันไม่ให้รอมนีย์ได้ผู้แทนเพียงพอตั้งแต่ก่อนการแข่งขันสิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน จากนั้นก็ไปรอวัดใจว่า เมื่อถึงการประชุมใหญ่ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแทมปา มลรัฐฟลอดินา ตัวแทนอนุรักษ์นิยมสุดขั้วในพรรคจะเสนอชื่อใครเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ความพ่ายแพ้ที่อิลลินอยส์ทำให้หนทางข้างหน้าของแซนทอรัมยากลำบากขึ้น แม้สนามถัดไปในลุยเซียนา ซึ่งเป็นรัฐอนุรักษ์นิยมในวันเสาร์นี้ (24) คาดว่าเขาจะทำคะแนนได้ดีก็ตาม
ศึกภายในรีพับลิกันที่ยืดเยื้อต้องถือว่าเข้าทางโอบามาอย่างมาก และยังอาจทำให้รีพับลิกันเสียเปรียบในการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐและสมาชิกรัฐสภาซึ่งจะจัดขึ้นพร้อมๆ กับการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 6 พฤศจิกายน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรอมนีย์ยังไม่สามารถเก็บเสียงข้างมากได้เมื่อไปถึงการเลือกตั้งขั้นต้นที่แคลิฟอร์เนียและอีก 4 มลรัฐในวันที่ 5 มิถุนายน
กระนั้น รอมนีย์ถือโอกาสคว้าชัยชนะในอิลลินอยส์โจมตีนโยบายเศรษฐกิจของโอบามา และระบุว่าการเลือกตั้งในวันที่ 6 พฤศจิกายนคือการเลือกระหว่าง “เสรีภาพทางเศรษฐกิจ” กับ “กฎระเบียบที่เข่นฆ่าการจ้างงาน”
