รัฐมนตรีคลังยูโรโซนเห็นพ้องอัดฉีดเงินให้ไอเอ็มเอฟ 150,000 ล้านยูโรเพื่อนำไปใช้ในการแก้ไขวิกฤตหนี้ โดยได้รับการสนับสนุนเม็ดเงินจากพันธมิตรนอกกลุ่ม กระนั้น ยังไม่ชัดเจนว่าจะรวบรวมเงินได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 200,000 ล้านยูโรหรือไม่ หลังจากลอนดอนแบะท่าไม่ร่วมลงขันด้วย ทางด้าน คริสทีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการไอเอเอฟ ออกมากล่าวเตือนอีกในวันอังคาร(20)ว่า เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ตรง “หัวเลี้ยวหัวต่อที่อันตรายยิ่ง”
ภายหลังการประชุมผ่านระบบสื่อสารทางไกลนาน 3 ชั่วโมงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19) เหล่ารัฐมนตรีคลังสหภาพยุโรป (อียู) แถลงว่าประเทศนอกยูโรโซน ได้แก่ สาธารณรัฐเชค เดนมาร์ก โปแลนด์ และสวีเดน จะร่วมสนับสนุนเงินแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อช่วยพลิกวิกฤตให้แก่ยูโรโซน
อย่างไรก็ตาม ประเทศเหล่านั้นต้องได้รับอนุมัติจากรัฐสภาของตนเองก่อน ขณะที่อังกฤษประกาศชัดเจนไม่ร่วมแผนการนี้
แม้อียูใช้กุศโลบายทางการทูตด้วยการแถลงว่า ลอนดอนจะพิจารณาเรื่องนี้ต้นปีหน้าระหว่างการประชุมกลุ่มจี 20 แต่ท่าทีของอังกฤษก็ทำให้ยูโรโซนต้องหันไปพึ่งประเทศใหญ่อื่นๆ มากขึ้น เป็นต้นว่า จีนและรัสเซีย ที่แสดงความเต็มใจปล่อยกู้ให้ไอเอ็มเอฟเพิ่ม ส่วนสำหรับสหรัฐฯ ยังกังวลกับการที่ไอเอ็มเอฟ จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับยูโรโซน
ในคำแถลงร่วมของบรรดาขุนคลังยูโรโซนเมื่อวันจันทร์มีการระบุว่า สมาชิกยูโรโซนจะจัดหาเงิน 150,000 ล้านยูโรผ่านเงินกู้ทวิภาคีเพื่อเข้าบัญชีทรัพยากรปกติของไอเอ็มเอฟ และจะยินดีมากหากสมาชิกจี 20 และสมาชิกไอเอ็มเอฟอื่นๆ ที่มีสถานะการเงินเข้มแข็งร่วมสนับสนุนความพยายามในการปกป้องเสถียรภาพการเงินโลก ด้วยการอัดฉีดเงินให้ไอเอ็มเอฟ
อนึ่ง จากเมื่อครั้งประชุมสุดยอดต้นเดือนนี้ ผู้นำอียูเล็งเป้าหมายเงินทุนทั้งหมดที่จะอัดฉีดให้ไอเอ็มเอฟไว้ที่ 200,000 ล้านยูโร
การเพิ่มทุนให้แก่ไอเอ็มเอฟเช่นนี้ ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญในกลยุทธ์หลายขั้นตอนเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ไขวิกฤยูโรโซนและสร้างปราการป้องกันวิกฤตในอนาคต อีกเสาหลักหนึ่งคือ การทำให้กองทุนฟื้นฟูที่มีอยู่ของยูโรโซนคือ กองทุนเพื่อการรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (อีเอฟเอสเอฟ) สามารถจัดการปัญหาหนี้ได้อย่างยืดหยุ่นยิ่งขึ้น
ภายหลังการประชุมผ่านระบบสื่อสารทางไกลนาน 3 ชั่วโมงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19) เหล่ารัฐมนตรีคลังสหภาพยุโรป (อียู) แถลงว่าประเทศนอกยูโรโซน ได้แก่ สาธารณรัฐเชค เดนมาร์ก โปแลนด์ และสวีเดน จะร่วมสนับสนุนเงินแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อช่วยพลิกวิกฤตให้แก่ยูโรโซน
อย่างไรก็ตาม ประเทศเหล่านั้นต้องได้รับอนุมัติจากรัฐสภาของตนเองก่อน ขณะที่อังกฤษประกาศชัดเจนไม่ร่วมแผนการนี้
แม้อียูใช้กุศโลบายทางการทูตด้วยการแถลงว่า ลอนดอนจะพิจารณาเรื่องนี้ต้นปีหน้าระหว่างการประชุมกลุ่มจี 20 แต่ท่าทีของอังกฤษก็ทำให้ยูโรโซนต้องหันไปพึ่งประเทศใหญ่อื่นๆ มากขึ้น เป็นต้นว่า จีนและรัสเซีย ที่แสดงความเต็มใจปล่อยกู้ให้ไอเอ็มเอฟเพิ่ม ส่วนสำหรับสหรัฐฯ ยังกังวลกับการที่ไอเอ็มเอฟ จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับยูโรโซน
ในคำแถลงร่วมของบรรดาขุนคลังยูโรโซนเมื่อวันจันทร์มีการระบุว่า สมาชิกยูโรโซนจะจัดหาเงิน 150,000 ล้านยูโรผ่านเงินกู้ทวิภาคีเพื่อเข้าบัญชีทรัพยากรปกติของไอเอ็มเอฟ และจะยินดีมากหากสมาชิกจี 20 และสมาชิกไอเอ็มเอฟอื่นๆ ที่มีสถานะการเงินเข้มแข็งร่วมสนับสนุนความพยายามในการปกป้องเสถียรภาพการเงินโลก ด้วยการอัดฉีดเงินให้ไอเอ็มเอฟ
อนึ่ง จากเมื่อครั้งประชุมสุดยอดต้นเดือนนี้ ผู้นำอียูเล็งเป้าหมายเงินทุนทั้งหมดที่จะอัดฉีดให้ไอเอ็มเอฟไว้ที่ 200,000 ล้านยูโร
การเพิ่มทุนให้แก่ไอเอ็มเอฟเช่นนี้ ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญในกลยุทธ์หลายขั้นตอนเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ไขวิกฤยูโรโซนและสร้างปราการป้องกันวิกฤตในอนาคต อีกเสาหลักหนึ่งคือ การทำให้กองทุนฟื้นฟูที่มีอยู่ของยูโรโซนคือ กองทุนเพื่อการรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (อีเอฟเอสเอฟ) สามารถจัดการปัญหาหนี้ได้อย่างยืดหยุ่นยิ่งขึ้น