กองทหารสหรัฐฯยุติภารกิจของพวกตนในอิรักอย่างเป็นทางการ ด้วยพิธีการที่เรียบง่ายเมื่อวันพฤหัสบดี(15) ภายหลังระยะเวลาเกือบ 9 ปีแห่งสงครามที่เริ่มต้นด้วยการรุกรานเข้าโค่นล้มระบอบปกครองซัดดัม ฮุสเซน
เวลานี้มีทหารอเมริกันเหลืออยู่ในอิรักไม่ถึง 4,500คน โดยที่พวกเขาก็กำลังจะจากไปในไม่กี่วันข้างหน้า ทำให้ประเทศซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีทหารสหรัฐฯประจำอยู่เกือบ 170,000 คนตามฐานทัพต่างๆ กว่า 500 ฐานแห่งนี้ กลับคืนสู่ภาวะที่แทบไม่มีกองกำลังอเมริกันเหลืออยู่ ยกเว้นจำนวนเรือนร้อยซึ่งอยู่ทำหน้าที่ฝึกอบรมให้แก่กองกำลังอิรัก
การถอนทหารคราวนี้เป็นการยุติสงครามที่ทำให้ชาวอิรักหลายหมื่นคนและทหารอเมริกันเกือบ 4,500 คนเสียชีวิต อีกจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ และชาวอิรัก 1.75 ล้านคนต้องกลายเป็นคนพลัดถิ่นที่อยู่
“ภายหลังการหลั่งเลือดจำนวนมากมายของชาวอิรักและชาวอเมริกัน ภารกิจของอิรักที่สามารถปกครองตนเองก็กลายเป็นความจริงขึ้นมา” รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลีออน แพเนตตา กล่าวในพิธีลดธงกองทหารสหรัฐฯในอิรัก เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงการยุติภารกิจ ซึ่งจัดขึ้นที่สนามบินใกล้ๆ กรุงแบกแดด
“ในไม่กี่วันข้างหน้านี้ อิรักจะถูกทดสอบ ทั้งโดยการก่อการร้าย และโดยพวกที่ต้องการแบ่งแยกอิรัก โดยประเด็นทางเศรษฐกิจและทางสังคม และโดยความเรียกร้องต้องการของระบอบประชาธิปไตยเอง” แพเนตตาบอก
แต่สหรัฐฯ “จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชนชาวอิรักในขณะที่พวกเขาโลดแล่นฟันฝ่าความท้าทายเหล่านั้น”
แพเนตตาพูดถึงการถอนตัวของสหรัฐฯว่า “ห่างจากปาฏิหาริย์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” และเป็น “หนึ่งในภาระหน้าที่ทางการส่งกำลังบำรุงที่ซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์การทหารของสหรัฐฯ”
ทหารสหรัฐฯได้ทำพิธีม้วนธงของกองทหารสหรัฐฯประจำอิรัก แล้วสอดเข้าเก็บไว้ในปลอกหุ้มสีลายพราง
พิธีนี้จัดขึ้น 1 วันภายหลังประชาชนหลายร้อยคนในเมืองฟอลลูจาห์ ได้แสดงการรับทราบการจากไปของทหารอเมริกัน ด้วยการเผาธงชาติสหรัฐฯหลายผืน พร้อมกับตะโกนคำขวัญสนับสนุน “ฝ่ายต่อต้าน”
เวลานี้มีทหารอเมริกันเหลืออยู่ในอิรักไม่ถึง 4,500คน โดยที่พวกเขาก็กำลังจะจากไปในไม่กี่วันข้างหน้า ทำให้ประเทศซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีทหารสหรัฐฯประจำอยู่เกือบ 170,000 คนตามฐานทัพต่างๆ กว่า 500 ฐานแห่งนี้ กลับคืนสู่ภาวะที่แทบไม่มีกองกำลังอเมริกันเหลืออยู่ ยกเว้นจำนวนเรือนร้อยซึ่งอยู่ทำหน้าที่ฝึกอบรมให้แก่กองกำลังอิรัก
การถอนทหารคราวนี้เป็นการยุติสงครามที่ทำให้ชาวอิรักหลายหมื่นคนและทหารอเมริกันเกือบ 4,500 คนเสียชีวิต อีกจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ และชาวอิรัก 1.75 ล้านคนต้องกลายเป็นคนพลัดถิ่นที่อยู่
“ภายหลังการหลั่งเลือดจำนวนมากมายของชาวอิรักและชาวอเมริกัน ภารกิจของอิรักที่สามารถปกครองตนเองก็กลายเป็นความจริงขึ้นมา” รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลีออน แพเนตตา กล่าวในพิธีลดธงกองทหารสหรัฐฯในอิรัก เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงการยุติภารกิจ ซึ่งจัดขึ้นที่สนามบินใกล้ๆ กรุงแบกแดด
“ในไม่กี่วันข้างหน้านี้ อิรักจะถูกทดสอบ ทั้งโดยการก่อการร้าย และโดยพวกที่ต้องการแบ่งแยกอิรัก โดยประเด็นทางเศรษฐกิจและทางสังคม และโดยความเรียกร้องต้องการของระบอบประชาธิปไตยเอง” แพเนตตาบอก
แต่สหรัฐฯ “จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชนชาวอิรักในขณะที่พวกเขาโลดแล่นฟันฝ่าความท้าทายเหล่านั้น”
แพเนตตาพูดถึงการถอนตัวของสหรัฐฯว่า “ห่างจากปาฏิหาริย์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” และเป็น “หนึ่งในภาระหน้าที่ทางการส่งกำลังบำรุงที่ซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์การทหารของสหรัฐฯ”
ทหารสหรัฐฯได้ทำพิธีม้วนธงของกองทหารสหรัฐฯประจำอิรัก แล้วสอดเข้าเก็บไว้ในปลอกหุ้มสีลายพราง
พิธีนี้จัดขึ้น 1 วันภายหลังประชาชนหลายร้อยคนในเมืองฟอลลูจาห์ ได้แสดงการรับทราบการจากไปของทหารอเมริกัน ด้วยการเผาธงชาติสหรัฐฯหลายผืน พร้อมกับตะโกนคำขวัญสนับสนุน “ฝ่ายต่อต้าน”