นายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการใช้ถนนทางหลวง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ถนนเส้นทางสายหลักที่จะออกไปสู่ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือและใต้ ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหนัก ทำให้เกิดความเสียหายรถยนต์ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ไม่สามารถสัญจรได้ว่า ขณะนี้หลายพื้นที่น้ำลดลงเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้เส้นทางสายหลักที่ประชาชนจะเดินทางออกจากกรุงเทพมหานครไปยังภูมิภาคต่างๆ สามารถใช้ได้ตามปกติแล้ว เพียงแต่อาจจะไม่เรียบร้อยทั้งในเรื่องของผิวถนน และสิ่งกีดขวางที่อยู่บนถนนหลวง ซึ่งคาดว่าก่อนสิ้นปี 2554 ถนนสายหลักที่จะไปสู่ภูมิภาคต่างๆ จะดำเนินการลาดแอสฟัสท์ที่มีหลุมบ่อให้ถนนเรียบ เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรเดินทางได้ปลอดภัย
สำหรับประชาชนที่จะเดินทางสู่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น รถเล็กจะยังไม่สามารถใช้ถนนวิภาวดีรังสิตได้ตลอดเส้นทาง เพื่อออกไปยังรังสิตได้ เนื่องจากถนนวิภาวดีรังสิตตั้งแต่หน้าสนามบินดอนเมือง-หน้าอนุสรณ์สถานระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ยังคงมีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 30 เซนติเมตร รถเล็กจึงยังไม่สามารถผ่านได้ ดังนั้นช่วงนี้รถเล็กจะใช้เส้นทางถนนวิภาวดีออกไปสู่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะต้องใช้เส้นทางด่วนโทลล์เวย์ในการเดินทาง ส่วนรถขนาดใหญ่จะยังคงสามารถผ่านได้ตามปกติ
นายวันชัย กล่าวต่อไปว่า ประชาชนเมื่อเดินทางจากถนนวิภาวดีรังสิต ตามปกติมาถึงตลาดรังสิตและหากขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์มาลงหน้าโรงกษาปณ์ ถนนทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ประชาชนสามารถเดินทางจากบริเวณดังกล่าว ขึ้นภาคเหนือตามเส้นทางหลวงถนนพหลโยธิน เข้าเส้นทางต่างระดับบางปะอิน ไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ทั้งทางหลวงหมายเลข 1 และทางหลวงหมายเลข 32 หรือสายเอเชีย ตรงไปยังจังหวัดนครสวรรค์ หลังจากนั้นวิ่งตามถนนทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธินขึ้นภาคเหนือได้ตามปกติ โดยเส้นทางดังกล่าวสามารถใช้งานได้ตามปกติ
ส่วนประชาชนที่จะเดินทางไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวิ่งมาตามถนนพหลโยธินออกแยกต่างระดับบางปะอินเลี้ยวขวาผ่านไปทางอำเภอวังน้อย และไปสระบุรี ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1 และเมื่อมาถึงสระบุรีให้เลี้ยวขวาตรงทางแยกต่างระดับ สระบุรีออกภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามเส้นทางหลวงหมายเลข 2 ออกภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ประชาชนอาจจะไม่ได้รับความสะดวกในการใช้เส้นทางบ้าง เนื่องจากถนนได้รับความเสียหายเป็นหลุมเป็นบ่อ
นายวันชัย กล่าวต่อไปว่า ส่วนเส้นทางสายใต้ นั้น ในปัจจุบันประชาชนสามารถเดินทางได้ทั้งจากถนนทางหลวงหมายเลข 4 หรือถนนเพชรเกษม วิ่งตรงไปจากวงเวียนใหญ่-บางแค-จังหวัดนครปฐม รวมถึงสามารถใช้เส้นทางพระราม 2 ลงภาคใต้ได้ตามปกติ นอกจากนั้นประชาชนที่จะเดินทางยังสามารถใช้เส้นทางจากข้ามสะพานปิ่นเกล้าวิ่งตรงไปตามเส้นทางใต้ถนนบรมราชชนนีไปถึงวงแหวนต่างระดับฉิมพลีเลี้ยวซ้ายเข้า ถนนเพชรเกษมลงสู่ใต้ได้ตามวงแหวนตะวันตก แต่ประชาชนจะไม่สามารถเดินทางลงภาคใต้ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 338 ปิ่นเกล้า-นครชัยศรีได้ เนื่องจากน้ำได้ท่วมขังสูงบริเวณ ช่วงต่างระดับถนนบรมราชชนนี บริเวณพุทธมณฑลสาย 3 ถึงสาย 5 เนื่องจากน้ำท่วมสูงประมาณ 30 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านได้
ส่วนประชาชนที่จะสัญจร โดยใช้เส้นทางวงแหวนตะวันออก และตะวันตก สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่อาจจะไม่ได้รับความสะดวก เนื่องจากถนนวงแหวนตะวันตก ช่วงบางบัวทอง -สุพรรณบุรี ช่วง กม.22-27 บริเวณบางบัวทอง-แยกนพวงศ์ ลาดหลุมแก้วระยะทางกว่า 7 กิโลเมตรนั้น การใช้ถนนสัญจรจะไม่ค่อยได้รับความสะดวกมากนัก เนื่องจากช่วงดังกล่าวกรมทางหลวงจะเปิดเส้นทางขาเข้ากรุงเทพฯ 2 เลน จากเดิมมีขาเข้า 4 เลนขาออก 4 เลนให้รถวิ่งสวนเลนกัน เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวอยู่ระหว่างกู้ถนนอาจจะมีสิ่งกีดขวางทำให้รถไม่สามารถทำความเร็วในการขับขี่ได้
สำหรับประชาชนที่จะเดินทางสู่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น รถเล็กจะยังไม่สามารถใช้ถนนวิภาวดีรังสิตได้ตลอดเส้นทาง เพื่อออกไปยังรังสิตได้ เนื่องจากถนนวิภาวดีรังสิตตั้งแต่หน้าสนามบินดอนเมือง-หน้าอนุสรณ์สถานระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ยังคงมีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 30 เซนติเมตร รถเล็กจึงยังไม่สามารถผ่านได้ ดังนั้นช่วงนี้รถเล็กจะใช้เส้นทางถนนวิภาวดีออกไปสู่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะต้องใช้เส้นทางด่วนโทลล์เวย์ในการเดินทาง ส่วนรถขนาดใหญ่จะยังคงสามารถผ่านได้ตามปกติ
นายวันชัย กล่าวต่อไปว่า ประชาชนเมื่อเดินทางจากถนนวิภาวดีรังสิต ตามปกติมาถึงตลาดรังสิตและหากขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์มาลงหน้าโรงกษาปณ์ ถนนทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ประชาชนสามารถเดินทางจากบริเวณดังกล่าว ขึ้นภาคเหนือตามเส้นทางหลวงถนนพหลโยธิน เข้าเส้นทางต่างระดับบางปะอิน ไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ทั้งทางหลวงหมายเลข 1 และทางหลวงหมายเลข 32 หรือสายเอเชีย ตรงไปยังจังหวัดนครสวรรค์ หลังจากนั้นวิ่งตามถนนทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธินขึ้นภาคเหนือได้ตามปกติ โดยเส้นทางดังกล่าวสามารถใช้งานได้ตามปกติ
ส่วนประชาชนที่จะเดินทางไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวิ่งมาตามถนนพหลโยธินออกแยกต่างระดับบางปะอินเลี้ยวขวาผ่านไปทางอำเภอวังน้อย และไปสระบุรี ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1 และเมื่อมาถึงสระบุรีให้เลี้ยวขวาตรงทางแยกต่างระดับ สระบุรีออกภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามเส้นทางหลวงหมายเลข 2 ออกภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ประชาชนอาจจะไม่ได้รับความสะดวกในการใช้เส้นทางบ้าง เนื่องจากถนนได้รับความเสียหายเป็นหลุมเป็นบ่อ
นายวันชัย กล่าวต่อไปว่า ส่วนเส้นทางสายใต้ นั้น ในปัจจุบันประชาชนสามารถเดินทางได้ทั้งจากถนนทางหลวงหมายเลข 4 หรือถนนเพชรเกษม วิ่งตรงไปจากวงเวียนใหญ่-บางแค-จังหวัดนครปฐม รวมถึงสามารถใช้เส้นทางพระราม 2 ลงภาคใต้ได้ตามปกติ นอกจากนั้นประชาชนที่จะเดินทางยังสามารถใช้เส้นทางจากข้ามสะพานปิ่นเกล้าวิ่งตรงไปตามเส้นทางใต้ถนนบรมราชชนนีไปถึงวงแหวนต่างระดับฉิมพลีเลี้ยวซ้ายเข้า ถนนเพชรเกษมลงสู่ใต้ได้ตามวงแหวนตะวันตก แต่ประชาชนจะไม่สามารถเดินทางลงภาคใต้ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 338 ปิ่นเกล้า-นครชัยศรีได้ เนื่องจากน้ำได้ท่วมขังสูงบริเวณ ช่วงต่างระดับถนนบรมราชชนนี บริเวณพุทธมณฑลสาย 3 ถึงสาย 5 เนื่องจากน้ำท่วมสูงประมาณ 30 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านได้
ส่วนประชาชนที่จะสัญจร โดยใช้เส้นทางวงแหวนตะวันออก และตะวันตก สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่อาจจะไม่ได้รับความสะดวก เนื่องจากถนนวงแหวนตะวันตก ช่วงบางบัวทอง -สุพรรณบุรี ช่วง กม.22-27 บริเวณบางบัวทอง-แยกนพวงศ์ ลาดหลุมแก้วระยะทางกว่า 7 กิโลเมตรนั้น การใช้ถนนสัญจรจะไม่ค่อยได้รับความสะดวกมากนัก เนื่องจากช่วงดังกล่าวกรมทางหลวงจะเปิดเส้นทางขาเข้ากรุงเทพฯ 2 เลน จากเดิมมีขาเข้า 4 เลนขาออก 4 เลนให้รถวิ่งสวนเลนกัน เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวอยู่ระหว่างกู้ถนนอาจจะมีสิ่งกีดขวางทำให้รถไม่สามารถทำความเร็วในการขับขี่ได้