น.อ.สุจินดา สุมามาลย์ ผู้บังคับการกองบิน 56 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยว่า ได้จัดเตรียมกำลังพล และยุทโธปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยหากเกิดน้ำท่วมใหญ่
ทหารกองทัพภาคที่ 4 นำเจ้าหน้าที่ตรวจอากาศ นครศรีธรรมราช และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครศรีธรรมราช ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจสถานการณ์น้ำในจังหวัด พบว่ายังมีน้ำท่วมขังกระจายเป็นกวงกว้างใน อ.เมือง พระพรหม เฉลิมพระเกียรติ ชอวด จุฬาภร ปากพนัง นบพิตำ และหัวไทร โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรยังคงมีน้ำท่วมขัง สูง 0.50-1 เมตร ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำปากพนัง ปากนคร ท่าดี ท่าใหญ่ และตาปี น้ำเอ่อล้นตลิ่ง
ที่ จ.พัทลุง ยังมีน้ำท่วมขังในที่ราบลุ่มและริมทะเลสาบสงขลา ใน 5 อำเภอ ระดับน้ำเริ่มลดลงเพราะฝนทิ้งช่วง จากการสรุปเบื้องต้นพบว่า มีความเสียหายที่ ถนน 141 สาย สะพาน 27 แห่ง ฝาย 15 แห่ง พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเกือบ 1 แสนไร่ เสียชีวิต 2 ราย
นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด อำเภอ และโรงพยาบาลทุกแห่ง จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกรักษาผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ เพื่อป้องกันโรคระบาด
ขณะที่ จ.ปัตตานี แม้ฝนจะทิ้งช่วง แต่น้ำเหนือจาก จ.ยะลา ยังไหลลงสู่แม่น้ำปัตตานี สายบุรี อย่างต่อเนื่อง และเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน กว่า 14,000 ครัวเรือน โดยที่ ต.ตะโละดือรามัน อ.กะพ้อ บ้านจางา บ้านยือโมะ ต.ปะกาฮารัง และ ต.บาราเฮาะ ต.ตะลุโบะ อ.เมืองปัตตานี ระดับน้ำสูง 2-3 เมตร
ส่วนที่ จ.ยะลา สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มมีสัญญาณที่ดี หลังจากฝนหยุดตก 2 วัน ทำให้หลายพื้นที่ระดับน้ำเริ่มลดลง แม่น้ำปัตตานี และสายบุรี ลดระดับลงเช่นเดียวกัน คงเหลือพื้นที่ราบลุ่มที่น้ำยังคงท่วมขังรอระบายลงสู่คลองต่อไป
ในขณะที่ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งให้การฟื้นฟูหลังน้ำลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติ
ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก บางนรา และสายบุรี เริ่มลดลงเช่นกัน น้ำที่ท่วมชุมชนริมแม่น้ำ ลดระดับลงไปด้วย แต่ชาวบ้านบางส่วนที่อพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ยังไม่ยอมกลับเข้าบ้าน เพราะเกรงน้ำจะท่วมอีกระลอก หากมีฝนตกหนักซ้ำ
ทหารกองทัพภาคที่ 4 นำเจ้าหน้าที่ตรวจอากาศ นครศรีธรรมราช และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครศรีธรรมราช ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจสถานการณ์น้ำในจังหวัด พบว่ายังมีน้ำท่วมขังกระจายเป็นกวงกว้างใน อ.เมือง พระพรหม เฉลิมพระเกียรติ ชอวด จุฬาภร ปากพนัง นบพิตำ และหัวไทร โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรยังคงมีน้ำท่วมขัง สูง 0.50-1 เมตร ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำปากพนัง ปากนคร ท่าดี ท่าใหญ่ และตาปี น้ำเอ่อล้นตลิ่ง
ที่ จ.พัทลุง ยังมีน้ำท่วมขังในที่ราบลุ่มและริมทะเลสาบสงขลา ใน 5 อำเภอ ระดับน้ำเริ่มลดลงเพราะฝนทิ้งช่วง จากการสรุปเบื้องต้นพบว่า มีความเสียหายที่ ถนน 141 สาย สะพาน 27 แห่ง ฝาย 15 แห่ง พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเกือบ 1 แสนไร่ เสียชีวิต 2 ราย
นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด อำเภอ และโรงพยาบาลทุกแห่ง จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกรักษาผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ เพื่อป้องกันโรคระบาด
ขณะที่ จ.ปัตตานี แม้ฝนจะทิ้งช่วง แต่น้ำเหนือจาก จ.ยะลา ยังไหลลงสู่แม่น้ำปัตตานี สายบุรี อย่างต่อเนื่อง และเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน กว่า 14,000 ครัวเรือน โดยที่ ต.ตะโละดือรามัน อ.กะพ้อ บ้านจางา บ้านยือโมะ ต.ปะกาฮารัง และ ต.บาราเฮาะ ต.ตะลุโบะ อ.เมืองปัตตานี ระดับน้ำสูง 2-3 เมตร
ส่วนที่ จ.ยะลา สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มมีสัญญาณที่ดี หลังจากฝนหยุดตก 2 วัน ทำให้หลายพื้นที่ระดับน้ำเริ่มลดลง แม่น้ำปัตตานี และสายบุรี ลดระดับลงเช่นเดียวกัน คงเหลือพื้นที่ราบลุ่มที่น้ำยังคงท่วมขังรอระบายลงสู่คลองต่อไป
ในขณะที่ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งให้การฟื้นฟูหลังน้ำลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติ
ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก บางนรา และสายบุรี เริ่มลดลงเช่นกัน น้ำที่ท่วมชุมชนริมแม่น้ำ ลดระดับลงไปด้วย แต่ชาวบ้านบางส่วนที่อพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ยังไม่ยอมกลับเข้าบ้าน เพราะเกรงน้ำจะท่วมอีกระลอก หากมีฝนตกหนักซ้ำ