ASTVผู้จัดการรายวัน - จังหวัดปัตตานีประกาศทั้ง 12 อำเภอเป็นเขตภัยพิบัติน้ำท่วม หลังระดับน้ำท่วมสูง 1-2 เมตร ส่วนยะลา-นราฯ-สงขลาเริ่มคลี่คลาย เหลือเฉพาะที่ลุ่ม หากฝนไม่ตกอีก 2-3 วันสถานการณ์จะเข้าสู่ปกติ
วานนี้ (27 พ.ย.) สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยังคงน่าเป็นห่วง ถึงแม้ปริมาณน้ำฝนจะลดลง เนื่องจากฝนได้หยุดทิ้งช่วงบ้างแล้ว แต่น้ำเหนือจาก จ.ยะลายังคงไหลหลากลงสูงแม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรีอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำได้อ้อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ราบลุ่มทั้งบ้านเรือนราษฎร พื้นที่การเกษตร สถานที่ราชการต่างๆ จมอยู่ใต้น้ำ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนหลายพันครัวเรือน
จึงทำให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปัตตานี ต้องประกาศให้พื้นที่ทั้ง 12 อำเภอของจังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่เกิดภัยพิบัติทันที ซึ่งขณะนี้หลายหน่วยงานได้เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือเป็นการด่วนแล้ว สรุปพื้นที่เกิดภัยพิบัติทั้ง 12 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 60 หมู่บ้าน 247 ตำบล ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 59,784 คน 14,125 ครับเรือน
ขณะที่พื้นที่ที่ยังคงมีน้ำท่วมสูงระดับน้ำอยู่ที่ 1-2 เมตร ยังคงเป็นพื้นที่ที่ติดแม่น้ำทั้ง 2 สาย โดยเฉพาะที่ บ้านจางา บ้านยือโมะ ต.ปะกาฮารัง ระดับน้ำสูงเกือบ 2 เมตร บ้านปาการีมาปูโละ ต.บาราเฮาะ ระดับน้ำสูง 2-3 เมตร อ.เมือง น้ำยังคงสูงกว่า 1-2 เมตร ทำให้บ้านเรือนราษฎรหลายร้อยหลังคาเรือนยังคงต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมชาวบ้านยังคงต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการสัญจรไปมา
อีกทั้งน้ำท่วมยังทำให้พืชเศรษฐกิจของชาวบ้านได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะต้นอ้อย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่ชาวบ้านนิยมปลูกกัน ต้องจมอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ทำให้ต้นอ้อยล้มตายเป็นกว่า 40 ไร่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เกษตรจังหวัดปัตตานีได้เข้าไปตรวจสอบ และเก็บข้อมูลเพื่อหาทางเข้าไปช่วยเหลือต่อไป
ส่วนในพื้นที่ จ.ยะลา นราธิวาส สุราษฎร์ธานี ตรัง และนครศรีธรรมราช ในเกือบทุกพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบางพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำยังคงท่วมอยู่ ซึ่งหากฝนไม่ตกหรือตกเพียงเล็กน้อยในระยะนี้ คาดว่า สถานการณ์จะเข้าสู่ปกติในอีก 2-3 วัน
ส่วนภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สงขลาเริ่มคลี่คลายโดยยังคงมีพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมเพียงแค่ 8 อำเภอเช่นเดิมและได้มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติไปแล้ว ประกอบด้วย อ.ควนเนียง อ.สิงหนคร อ.สะบ้าย้อย อ.รัตภูมิ อ.จะนะ อ.ระโนด อ.สทิงพระ และ อ.เมืองสงขลา และมีพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมลดลงจากเดิม 276 หมู่บ้านขณะนี้เหลือเพียง 260 หมู่บ้าน
ขณะที่ปริมาณฝนใน จ.สงขลา ก็ลดลงเช่นกัน โดยมีฝนกระจายประมาณร้อยละ 60 ของพื้นที่ จากเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 80 ส่งผลให้ระดับน้ำท่วมขังลดลง และมีพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมกลับเข้าสู่ภาวะปกติร้อยละ 50 ยังมีเฉพาะพื้นที่ราบลุ่ม และพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลาเท่านั้นที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่
ขณะที่สถานการณ์น้ำในพื้นที่เทือกเขาบรรทัดเขตรอยต่อสงขลา สตูล ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำฝั่งตะวันตกของ จ.สงขลา ฝนเริ่มหยุดตก น้ำป่าที่ไหลจากเขาลดลงและมีสีใสไม่ขุ่นเหมือนก่อน
อย่างไรก็ตาม จากเหตุน้ำท่วมใน จ.สงขลา ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 2 คนคือ ด.ช.ณัฐดนัย รัตนพงษ์ อายุ 3 ปี ที่ถูกน้ำพัดพาใน อ.สะบ้าย้อย และ นายมะหมัด สามารถ อายุ 61 ปี ซึ่งถูกคลื่นซัดจนเรือล่มในพื้นที่ อ.สิงหนคร.
วานนี้ (27 พ.ย.) สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยังคงน่าเป็นห่วง ถึงแม้ปริมาณน้ำฝนจะลดลง เนื่องจากฝนได้หยุดทิ้งช่วงบ้างแล้ว แต่น้ำเหนือจาก จ.ยะลายังคงไหลหลากลงสูงแม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรีอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำได้อ้อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ราบลุ่มทั้งบ้านเรือนราษฎร พื้นที่การเกษตร สถานที่ราชการต่างๆ จมอยู่ใต้น้ำ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนหลายพันครัวเรือน
จึงทำให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปัตตานี ต้องประกาศให้พื้นที่ทั้ง 12 อำเภอของจังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่เกิดภัยพิบัติทันที ซึ่งขณะนี้หลายหน่วยงานได้เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือเป็นการด่วนแล้ว สรุปพื้นที่เกิดภัยพิบัติทั้ง 12 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 60 หมู่บ้าน 247 ตำบล ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 59,784 คน 14,125 ครับเรือน
ขณะที่พื้นที่ที่ยังคงมีน้ำท่วมสูงระดับน้ำอยู่ที่ 1-2 เมตร ยังคงเป็นพื้นที่ที่ติดแม่น้ำทั้ง 2 สาย โดยเฉพาะที่ บ้านจางา บ้านยือโมะ ต.ปะกาฮารัง ระดับน้ำสูงเกือบ 2 เมตร บ้านปาการีมาปูโละ ต.บาราเฮาะ ระดับน้ำสูง 2-3 เมตร อ.เมือง น้ำยังคงสูงกว่า 1-2 เมตร ทำให้บ้านเรือนราษฎรหลายร้อยหลังคาเรือนยังคงต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมชาวบ้านยังคงต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการสัญจรไปมา
อีกทั้งน้ำท่วมยังทำให้พืชเศรษฐกิจของชาวบ้านได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะต้นอ้อย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่ชาวบ้านนิยมปลูกกัน ต้องจมอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ทำให้ต้นอ้อยล้มตายเป็นกว่า 40 ไร่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เกษตรจังหวัดปัตตานีได้เข้าไปตรวจสอบ และเก็บข้อมูลเพื่อหาทางเข้าไปช่วยเหลือต่อไป
ส่วนในพื้นที่ จ.ยะลา นราธิวาส สุราษฎร์ธานี ตรัง และนครศรีธรรมราช ในเกือบทุกพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบางพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำยังคงท่วมอยู่ ซึ่งหากฝนไม่ตกหรือตกเพียงเล็กน้อยในระยะนี้ คาดว่า สถานการณ์จะเข้าสู่ปกติในอีก 2-3 วัน
ส่วนภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สงขลาเริ่มคลี่คลายโดยยังคงมีพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมเพียงแค่ 8 อำเภอเช่นเดิมและได้มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติไปแล้ว ประกอบด้วย อ.ควนเนียง อ.สิงหนคร อ.สะบ้าย้อย อ.รัตภูมิ อ.จะนะ อ.ระโนด อ.สทิงพระ และ อ.เมืองสงขลา และมีพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมลดลงจากเดิม 276 หมู่บ้านขณะนี้เหลือเพียง 260 หมู่บ้าน
ขณะที่ปริมาณฝนใน จ.สงขลา ก็ลดลงเช่นกัน โดยมีฝนกระจายประมาณร้อยละ 60 ของพื้นที่ จากเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 80 ส่งผลให้ระดับน้ำท่วมขังลดลง และมีพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมกลับเข้าสู่ภาวะปกติร้อยละ 50 ยังมีเฉพาะพื้นที่ราบลุ่ม และพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลาเท่านั้นที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่
ขณะที่สถานการณ์น้ำในพื้นที่เทือกเขาบรรทัดเขตรอยต่อสงขลา สตูล ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำฝั่งตะวันตกของ จ.สงขลา ฝนเริ่มหยุดตก น้ำป่าที่ไหลจากเขาลดลงและมีสีใสไม่ขุ่นเหมือนก่อน
อย่างไรก็ตาม จากเหตุน้ำท่วมใน จ.สงขลา ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 2 คนคือ ด.ช.ณัฐดนัย รัตนพงษ์ อายุ 3 ปี ที่ถูกน้ำพัดพาใน อ.สะบ้าย้อย และ นายมะหมัด สามารถ อายุ 61 ปี ซึ่งถูกคลื่นซัดจนเรือล่มในพื้นที่ อ.สิงหนคร.
