เมื่อเวลา 09.45 น. วันนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวผู้ประสบอุทกภัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ จังหวัดนนทบุรี ทรงเยี่ยมราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน โดยศูนย์ฯ แห่งนี้ มีผู้เข้าพัก 1,673 คน มีหน่วยงาน และอาสาสมัครมาทำอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัยทุกวัน นอกจากนี้ มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่มาให้บริการตรวจรักษาผู้ที่เจ็บป่วย
จากนั้น พระราชทานถุงยังชีพแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และผู้ประสบอุทกภัย พร้อมกับพระราชทานของเล่นแก่เด็ก ในการนี้ พระราชทานกำลังใจให้ผู้ประสบอุทกภัยมีจิตใจที่เข้มแข็ง ทรงเข้าพระทัยราษฎรที่สูญเสียบ้านที่เคยอยู่ เพราะก็ทรงประสบปัญหาเช่นเดียวกัน
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเล่าถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ทรงประชวรอยู่ที่รพ.ศิริราชมาเป็นเวลา 2 ปีเศษ โดยที่อาการแรกรับเมื่อ 2 ปีนั้นเป็นเพราะว่าปอดอักเสบ และพอรักษาปอดอักเสบหาย ก็ปรากฏว่าทรงพระดำเนินหรือทรงเดินไม่ได้ ตอนแรกคิดว่ากล้ามเนื้อลีบ หรือฝ่อ ก็ทำกายภาพบำบัดหลายอย่าง จนกระทั่งคุณหมอมาตรวจอีกที พบว่าน้ำในพระสมองมีมากเกินไปซึ่งจะไปกดระบบประสาททำให้การเคลื่อนไหวไม่สะดวก ก็ถวายผ่าตัดเพื่อเอาน้ำออกจากสมอง โดยการเจาะจากไขสันหลัง ดูดน้ำออกจากสมองออกบางส่วนไปทิ้งในช่องท้อง และท่านก็ทรงพระสำราญมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้
ข้าพเจ้าตอนนั้นไปเยี่ยมคนที่ประสบอุทกภัยที่ จ.อยุธยา พอกลับมา พยาบาลก็รีบมาตามตัวข้าพเจ้าให้รีบไปดูพระเจ้าอยู่หัวหน่อย ว่าพระเจ้าอยู่หัวถ่ายเป็นเลือดประมาณ 800 ซีซี ความดันตกมาก อยู่ในภาวะทรงช็อคไม่รู้สึกพระองค์ ตอนนั้นเขาก็กำลังถ่ายเลือด และสารอาหารทางเส้น อันนี้ที่เลือดออกจากในกระเพาะและลำไส้ หมอสันนิษฐานว่าเป็นเพราะทรงกังวล ข้าพเจ้าจึงถามพยาบาลว่าทรงทำอะไรบ้างในวันสองวันนี้ ก็ปรากฏว่าท่านทรงดูข่าวน้ำท่วม อันนี้แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวท่านรักประชาชนเหมือนลูกเหมือนหลาน ทรงเป็นห่วงเป็นใย ท่านเป็นคนไม่ค่อยรับสั่ง ท่านรับสั่งน้อย แต่อาการที่แสดงออกคือทางร่างกายท่าน พอเพียบขึ้นมาก็เกิดอาการเลือดออกในกระเพาะ และลำไส้ แต่ขณะนี้แพทย์ได้ถวายการรักษาจนทรงเป็นปกติแล้ว แต่ที่มาเล่าให้ฟังนี่ ข้าพเจ้าเองยังซาบซึ้งเลยว่าท่านป่วยอยู่ ท่านยังห่วงราษฎรถึงเพียงนี้
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถก็เช่นกัน ทรงตื้นตันทรงห่วงราษฎรตลอดเวลา ทรงติดตามข่าวทั้งทางโทรทัศน์ ทั้งทางวิทยุ อยู่เสมอ และทรงถามข้าพเจ้าเรื่องที่ข้าพเจ้าออกมาเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยต่างๆ จะเห็นได้ว่า ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่ศิริราชก็จริง แต่พระทัยอยู่กับราษฎรทุกคน ถ้าใครรู้สึกซาบซึ้งในน้ำพระทัย ก็ขอเพียงแต่ให้อธิษฐานในใจเท่านั้นว่า ขอให้พระเจ้าอยู่หัวทรงพระชนมายุยืน และทรงพระสุขภาพพลานามัยดี แค่คิดแค่นี้ ข้าพเจ้าถือว่ากำลังใจของท่านทุกคนจะถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และจะทรงได้กำลังใจจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังทรงย้ำให้ราษฎรที่ประสบอุทกภัยมีความอดทน มีระเบียบวินัย โดยทรงยกตัวอย่างที่ดีของคนญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาสึนามิและไม่กักตุนของจำเป็นจนคนอื่นลำบาก
จากนั้น พระราชทานถุงยังชีพแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และผู้ประสบอุทกภัย พร้อมกับพระราชทานของเล่นแก่เด็ก ในการนี้ พระราชทานกำลังใจให้ผู้ประสบอุทกภัยมีจิตใจที่เข้มแข็ง ทรงเข้าพระทัยราษฎรที่สูญเสียบ้านที่เคยอยู่ เพราะก็ทรงประสบปัญหาเช่นเดียวกัน
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเล่าถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ทรงประชวรอยู่ที่รพ.ศิริราชมาเป็นเวลา 2 ปีเศษ โดยที่อาการแรกรับเมื่อ 2 ปีนั้นเป็นเพราะว่าปอดอักเสบ และพอรักษาปอดอักเสบหาย ก็ปรากฏว่าทรงพระดำเนินหรือทรงเดินไม่ได้ ตอนแรกคิดว่ากล้ามเนื้อลีบ หรือฝ่อ ก็ทำกายภาพบำบัดหลายอย่าง จนกระทั่งคุณหมอมาตรวจอีกที พบว่าน้ำในพระสมองมีมากเกินไปซึ่งจะไปกดระบบประสาททำให้การเคลื่อนไหวไม่สะดวก ก็ถวายผ่าตัดเพื่อเอาน้ำออกจากสมอง โดยการเจาะจากไขสันหลัง ดูดน้ำออกจากสมองออกบางส่วนไปทิ้งในช่องท้อง และท่านก็ทรงพระสำราญมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้
ข้าพเจ้าตอนนั้นไปเยี่ยมคนที่ประสบอุทกภัยที่ จ.อยุธยา พอกลับมา พยาบาลก็รีบมาตามตัวข้าพเจ้าให้รีบไปดูพระเจ้าอยู่หัวหน่อย ว่าพระเจ้าอยู่หัวถ่ายเป็นเลือดประมาณ 800 ซีซี ความดันตกมาก อยู่ในภาวะทรงช็อคไม่รู้สึกพระองค์ ตอนนั้นเขาก็กำลังถ่ายเลือด และสารอาหารทางเส้น อันนี้ที่เลือดออกจากในกระเพาะและลำไส้ หมอสันนิษฐานว่าเป็นเพราะทรงกังวล ข้าพเจ้าจึงถามพยาบาลว่าทรงทำอะไรบ้างในวันสองวันนี้ ก็ปรากฏว่าท่านทรงดูข่าวน้ำท่วม อันนี้แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวท่านรักประชาชนเหมือนลูกเหมือนหลาน ทรงเป็นห่วงเป็นใย ท่านเป็นคนไม่ค่อยรับสั่ง ท่านรับสั่งน้อย แต่อาการที่แสดงออกคือทางร่างกายท่าน พอเพียบขึ้นมาก็เกิดอาการเลือดออกในกระเพาะ และลำไส้ แต่ขณะนี้แพทย์ได้ถวายการรักษาจนทรงเป็นปกติแล้ว แต่ที่มาเล่าให้ฟังนี่ ข้าพเจ้าเองยังซาบซึ้งเลยว่าท่านป่วยอยู่ ท่านยังห่วงราษฎรถึงเพียงนี้
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถก็เช่นกัน ทรงตื้นตันทรงห่วงราษฎรตลอดเวลา ทรงติดตามข่าวทั้งทางโทรทัศน์ ทั้งทางวิทยุ อยู่เสมอ และทรงถามข้าพเจ้าเรื่องที่ข้าพเจ้าออกมาเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยต่างๆ จะเห็นได้ว่า ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่ศิริราชก็จริง แต่พระทัยอยู่กับราษฎรทุกคน ถ้าใครรู้สึกซาบซึ้งในน้ำพระทัย ก็ขอเพียงแต่ให้อธิษฐานในใจเท่านั้นว่า ขอให้พระเจ้าอยู่หัวทรงพระชนมายุยืน และทรงพระสุขภาพพลานามัยดี แค่คิดแค่นี้ ข้าพเจ้าถือว่ากำลังใจของท่านทุกคนจะถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และจะทรงได้กำลังใจจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังทรงย้ำให้ราษฎรที่ประสบอุทกภัยมีความอดทน มีระเบียบวินัย โดยทรงยกตัวอย่างที่ดีของคนญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาสึนามิและไม่กักตุนของจำเป็นจนคนอื่นลำบาก