สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาวิชาชีพข่าว วิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงกรณีการส่งอีเมลที่มีข้อความปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังผู้สื่อข่าวช่อง 7 ด้วยการโพสต์ภาพถ่ายและชื่อนามสกุล โดยระบุว่าเป็นการเปิดเผยโฉมหน้านักข่าวที่ซักถามจนทำให้นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินหนี โดย 3 องค์กรวิชาชีพเรียกร้องให้ทุกฝ่ายตระหนักว่า สื่อมวลชนทำหน้าที่รายงานข่าว และสัมภาษณ์เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงตามหน้าที่ ไม่ใช่เป็นผู้ขัดแย้งกับใคร จึงไม่ควรตกเป็นเป้าหมายของการข่มขู่คุกคามจนไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างอิสระ และส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่สามารถรับรู้ข่าวสาร ข้อมูล และข้อเท็จจริง
นอกจากนี้ ตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 28 ระบุว่า บุคคลใช้สิทธิและเสรีภาพของตนได้เท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น ดังนั้นบุคคลที่มีความเห็นแตกต่างกันในทางการเมืองต้องไม่ใช้วิธีการที่เป็นการละเมิด ข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น
สำหรับบุคคล ประชาชนกลุ่มต่างๆ ซึ่งอาจมีจุดยืนและความเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน ควรใช้ความอดทนอดกลั้น ความเข้าใจ และมีสติยับยั้งในการสนับสนุนกลุ่มหรือพรรคการเมืองใด โดยติดตามข่าวสารอย่างมีสติ อย่าได้เชื่อข่าวสารที่ปราศจากที่มาชัดเจน ซึ่งอาจยั่วยุให้มีการใช้ความรุนแรง
นอกจากนี้ ตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 28 ระบุว่า บุคคลใช้สิทธิและเสรีภาพของตนได้เท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น ดังนั้นบุคคลที่มีความเห็นแตกต่างกันในทางการเมืองต้องไม่ใช้วิธีการที่เป็นการละเมิด ข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น
สำหรับบุคคล ประชาชนกลุ่มต่างๆ ซึ่งอาจมีจุดยืนและความเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน ควรใช้ความอดทนอดกลั้น ความเข้าใจ และมีสติยับยั้งในการสนับสนุนกลุ่มหรือพรรคการเมืองใด โดยติดตามข่าวสารอย่างมีสติ อย่าได้เชื่อข่าวสารที่ปราศจากที่มาชัดเจน ซึ่งอาจยั่วยุให้มีการใช้ความรุนแรง
