นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยการประชุมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ชิลี ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคมนี้ ที่โรงแรมแลนด์มาร์ก กรุงเทพมหานครว่า ได้วางกรอบเจรจา 3 เรื่องหลัก ครอบคลุมการค้าสินค้า การค้าบริการและการลงทุน รวมทั้งประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าพิธีการศุลกากร มาตรการปกป้องและเยียวยาทางการค้า ตลอดจนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการประชุมต่อเนื่องจากครั้งที่ 2 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเปิดตลาด ร่างข้อบทและกฎระเบียบการค้าสินค้าทั้งสองฝ่าย จะหารือเกี่ยวกับแนวทางการเปิดตลาดสินค้าระหว่างกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจการค้าของทั้งสองฝ่าย เนื่องจากไทยและชิลีมีโครงสร้างการค้าสินค้าที่เกื้อกูลกัน โดยสินค้านำเข้าสำคัญของชิลีจากตลาดโลกส่วนใหญ่เป็นสินค้าสำเร็จรูปซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย เช่น รถปิคอัพ อาหารกระป๋องและแปรรูป เครื่องซักผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ปูนซิเมนต์ เม็ดพลาสติก และผลิตภัณฑ์ยาง ส่วนสินค้าส่งออกหลักของชิลีเป็นสินค้าวัตถุดิบ เช่น ทองแดง ซึ่งไทยมีการนำเข้าจากชิลีเฉลี่ยปีละ 94.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 8 ของการนำเข้าสินค้าทองแดงทั้งหมดของไทย
ทั้งนี้ การเปิดตลาดสินค้าภายใต้ FTA ไทย-ชิลี จะช่วยให้มีต้นทุนวัตถุดิบถูกลง ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย
ชิลี เป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 3 ของไทยในภูมิภาคอเมริกาใต้ รองจากบราซิล และอาร์เจนตินา ซึ่งปีที่ผ่านมาการค้าไทย-ชิลี มีมูลค่า 818.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวจากปี 2552 ร้อยละ 173.45 โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับชิลีมาโดยตลอด นอกจากนี้ ชิลีมีนโยบายเปิดเสรีทางเศรษฐกิจโดยมุ่งเป็นพันธมิตรกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น และขณะนี้ได้ลงนาม FTA ด้านการค้าสินค้ากับมาเลเซีย และสรุปผลการเจรจาด้านการค้าสินค้ากับเวียดนามแล้ว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมโอกาสในการขยายการค้าและการลงทุนให้ผู้ประกอบการไทย เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยในตลาดอเมริกาใต้ และทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าจะสรุปผลการเจรจาได้กลางปีหน้า เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ชิลี ในเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ การเปิดตลาดสินค้าภายใต้ FTA ไทย-ชิลี จะช่วยให้มีต้นทุนวัตถุดิบถูกลง ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย
ชิลี เป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 3 ของไทยในภูมิภาคอเมริกาใต้ รองจากบราซิล และอาร์เจนตินา ซึ่งปีที่ผ่านมาการค้าไทย-ชิลี มีมูลค่า 818.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวจากปี 2552 ร้อยละ 173.45 โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับชิลีมาโดยตลอด นอกจากนี้ ชิลีมีนโยบายเปิดเสรีทางเศรษฐกิจโดยมุ่งเป็นพันธมิตรกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น และขณะนี้ได้ลงนาม FTA ด้านการค้าสินค้ากับมาเลเซีย และสรุปผลการเจรจาด้านการค้าสินค้ากับเวียดนามแล้ว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมโอกาสในการขยายการค้าและการลงทุนให้ผู้ประกอบการไทย เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยในตลาดอเมริกาใต้ และทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าจะสรุปผลการเจรจาได้กลางปีหน้า เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ชิลี ในเดือนตุลาคมนี้
