นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงพาณิชย์
โดยนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า แม้จะได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ดูแลภาพรวมเศรษฐกิจ แต่งานในกระทรวงพาณิชย์ จะมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วย 2 คน และตนเอง ดูแลให้เป็นไปตามกรอบนโยบาย เช่น การดูแลสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเกษตร และสร้างความเป็นธรรมไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบในระบบการค้า โดยงานเร่งด่วนที่รัฐบาลจะดำเนินการ คือ จัดทำกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 เพื่อดำเนินการตามนโยบายที่วางไว้ ส่วนการดูแลงานของกระทรวงพาณิชย์อาจขอดูแลสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ บางกรมที่เหลือจะมอบให้รัฐมนตรีช่วย แต่ภาพรวมจะทำงานเป็นทีม เพื่อให้งานต่างๆ เดินหน้าต่อไป
นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ประชาชนคาดหวังในการดูแลสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะสุกรที่มีราคาแพง จะพิจารณาให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ ส่วนการรับจำนำข้าวเปลือก หรือโครงการประกันรายได้ของรัฐบาลที่ผ่านมา นโยบายพรรคเพื่อไทย จะนำโครงการรับจำนำกลับมาใช้ คาดว่าจะดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2554 โดยจะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายสำคัญให้เกษตรกรมีรายได้สูง แต่อาจจะทำให้ข้าวสารในประเทศแพงขึ้นบ้าง จึงอยากให้ประชาชนยอมรับ ขณะเดียวกัน การกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ถือเป็นตัวจักรสำคัญ ซึ่งรัฐบาลจะผลักดันแนวทางส่งเสริมการส่งออก และการบริโภคในประเทศควบคู่กัน เชื่อว่าแนวทางรัฐบาลในการเพิ่มรายได้ขั้นต่ำ จะเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร เมื่อมีงบประมาณรายจ่ายมาดำเนินการในทุกโครงการ สามารถผลักดันให้การส่งออกปี 2555 เติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 15
โดยนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า แม้จะได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ดูแลภาพรวมเศรษฐกิจ แต่งานในกระทรวงพาณิชย์ จะมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วย 2 คน และตนเอง ดูแลให้เป็นไปตามกรอบนโยบาย เช่น การดูแลสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเกษตร และสร้างความเป็นธรรมไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบในระบบการค้า โดยงานเร่งด่วนที่รัฐบาลจะดำเนินการ คือ จัดทำกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 เพื่อดำเนินการตามนโยบายที่วางไว้ ส่วนการดูแลงานของกระทรวงพาณิชย์อาจขอดูแลสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ บางกรมที่เหลือจะมอบให้รัฐมนตรีช่วย แต่ภาพรวมจะทำงานเป็นทีม เพื่อให้งานต่างๆ เดินหน้าต่อไป
นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ประชาชนคาดหวังในการดูแลสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะสุกรที่มีราคาแพง จะพิจารณาให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ ส่วนการรับจำนำข้าวเปลือก หรือโครงการประกันรายได้ของรัฐบาลที่ผ่านมา นโยบายพรรคเพื่อไทย จะนำโครงการรับจำนำกลับมาใช้ คาดว่าจะดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2554 โดยจะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายสำคัญให้เกษตรกรมีรายได้สูง แต่อาจจะทำให้ข้าวสารในประเทศแพงขึ้นบ้าง จึงอยากให้ประชาชนยอมรับ ขณะเดียวกัน การกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ถือเป็นตัวจักรสำคัญ ซึ่งรัฐบาลจะผลักดันแนวทางส่งเสริมการส่งออก และการบริโภคในประเทศควบคู่กัน เชื่อว่าแนวทางรัฐบาลในการเพิ่มรายได้ขั้นต่ำ จะเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร เมื่อมีงบประมาณรายจ่ายมาดำเนินการในทุกโครงการ สามารถผลักดันให้การส่งออกปี 2555 เติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 15