นายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงการบุกรุกป่าในพื้นที่ประเทศไทย ว่า ปัจจุบันการบุกรุกป่ามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากพืชเศรษฐกิจมีราคาสูงขึ้น ประกอบกับแหล่งท่องเที่ยวเริ่มมีชื่อเสียง จึงทำให้มีผู้ต้องการหาผลประโยชน์โดยอาศัยช่องทางกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีพื้นที่ป่าเหลือเพียง 107 ล้านไร่ ลดลงจากเดิมที่มีอยู่กว่า 140 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ซึ่งป่าไม้ที่หายไปส่งผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และทำให้เกิดภัยธรรมชาติมากขึ้น ขณะที่พื้นที่ป่าที่วังน้ำเขียวเหลือเพียงร้อยละ 30 จากเดิมที่เคยเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ แต่เนื่องจากความจำเป็นของประชาชนที่ต้องการที่อยู่อาศัย และพื้นที่ทำกิน ทำให้มีการขยายพื้นที่ป่าออกไปเรื่อยๆ และมีการบุกรุกอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เหลือพื้นที่ป่าเพียงร้อยละ 20
ส่วนวิธีการพิสูจน์ว่าประชาชนที่เข้าไปอยู่อาศัย บุกรุกพื้นที่ป่าวังน้ำเขียวหรือไม่นั้น จะให้ฝ่ายยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน หากพิสูจน์ได้ว่าผู้ที่เข้าไปถือครองที่ดินมีความผิด ก็จะต้องยอมรับ แต่หากพิสูจน์แล้วว่าเข้าไปอยู่อาศัยถูกต้อง ก็สามารถอยู่ต่อไปได้
ขณะที่กระบวนการจัดการ หากตรวจค้นแล้วมีการแสดงสิทธิ์ ก็จะต้องทำการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่หากไม่มีการแสดงสิทธิ์ ก็จะเข้าไปรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายในกำหนดเวลา 45 วัน โดยจะทำการติดประกาศให้ผู้ที่บุกรุกป่ารับทราบก่อน และจะดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายโดยไม่เลือกปฏิบัติ
อธิบดีกรมป่าไม้ ยอมรับว่า ที่ผ่านมายังมีจุดอ่อนในเรื่องการประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ จึงทำให้มีผู้เสียผลประโยชน์พยายามหามวลชน โดยอ้างว่ากรมป่าไม้กล่าวหาคนวังน้ำเขียวเป็นผู้ทำลายป่า ดังนั้น จึงอยากฝากทุกคนช่วยกันจับคนที่ทำผิดกฎหมาย และช่วยกันดูแลพื้นที่ป่าให้กลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีพื้นที่ป่าเหลือเพียง 107 ล้านไร่ ลดลงจากเดิมที่มีอยู่กว่า 140 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ซึ่งป่าไม้ที่หายไปส่งผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และทำให้เกิดภัยธรรมชาติมากขึ้น ขณะที่พื้นที่ป่าที่วังน้ำเขียวเหลือเพียงร้อยละ 30 จากเดิมที่เคยเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ แต่เนื่องจากความจำเป็นของประชาชนที่ต้องการที่อยู่อาศัย และพื้นที่ทำกิน ทำให้มีการขยายพื้นที่ป่าออกไปเรื่อยๆ และมีการบุกรุกอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เหลือพื้นที่ป่าเพียงร้อยละ 20
ส่วนวิธีการพิสูจน์ว่าประชาชนที่เข้าไปอยู่อาศัย บุกรุกพื้นที่ป่าวังน้ำเขียวหรือไม่นั้น จะให้ฝ่ายยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน หากพิสูจน์ได้ว่าผู้ที่เข้าไปถือครองที่ดินมีความผิด ก็จะต้องยอมรับ แต่หากพิสูจน์แล้วว่าเข้าไปอยู่อาศัยถูกต้อง ก็สามารถอยู่ต่อไปได้
ขณะที่กระบวนการจัดการ หากตรวจค้นแล้วมีการแสดงสิทธิ์ ก็จะต้องทำการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่หากไม่มีการแสดงสิทธิ์ ก็จะเข้าไปรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายในกำหนดเวลา 45 วัน โดยจะทำการติดประกาศให้ผู้ที่บุกรุกป่ารับทราบก่อน และจะดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายโดยไม่เลือกปฏิบัติ
อธิบดีกรมป่าไม้ ยอมรับว่า ที่ผ่านมายังมีจุดอ่อนในเรื่องการประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ จึงทำให้มีผู้เสียผลประโยชน์พยายามหามวลชน โดยอ้างว่ากรมป่าไม้กล่าวหาคนวังน้ำเขียวเป็นผู้ทำลายป่า ดังนั้น จึงอยากฝากทุกคนช่วยกันจับคนที่ทำผิดกฎหมาย และช่วยกันดูแลพื้นที่ป่าให้กลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม
