นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันของรัฐบาลถือเป็นมาตรการที่สำคัญ และมีผลต่อต้นุทนการผลิตของผู้ประกอบการปรับสูงขึ้น และผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งหากปรับขึ้นค่าจ้างให้สอดคล้องกับประสิทธิภาพการผลิต ผลกระทบก็จะน้อยลง การปรับขึ้นค้าจ้างควรจะเป็นแบบทยอยปรับ เพราะหากปรับขึ้นทันทีอาจจะมีผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้ออย่างชัดเจน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ต้องรอดูความชัดเจนจากผลการประชุมของคณะกรรมการไตรภาคี จึงจะประเมินผลกระทบได้ ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมีส่วนช่วยให้อัตราเงินเฟ้ออ่อนตัวลงบ้าง
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า นโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันอาจทำให้ภาคธุรกิจเอกชนมีต้นทุนด้านแรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 4-11 ตามแต่ละพื้นที่จังหวัด โดยกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือกลุ่มเอสเอ็มอี ที่มีการพึ่งพาการส่งออกสูง และมีส่วนต่างระหว่างกำไรและต้นทุนต่ำ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม กระเบื้อง และอาหารกระป๋อง ยังมีผลต่อการแข่งขัน เพราะว่าจะทำให้ไทยมีอัตราค่าจ้างสูงกว่าเวียดนามถึง 5 เท่า และสูงกว่าอินโดนีเซียถึง 2.5-4.6 เท่า
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ต้องรอดูความชัดเจนจากผลการประชุมของคณะกรรมการไตรภาคี จึงจะประเมินผลกระทบได้ ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมีส่วนช่วยให้อัตราเงินเฟ้ออ่อนตัวลงบ้าง
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า นโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันอาจทำให้ภาคธุรกิจเอกชนมีต้นทุนด้านแรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 4-11 ตามแต่ละพื้นที่จังหวัด โดยกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือกลุ่มเอสเอ็มอี ที่มีการพึ่งพาการส่งออกสูง และมีส่วนต่างระหว่างกำไรและต้นทุนต่ำ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม กระเบื้อง และอาหารกระป๋อง ยังมีผลต่อการแข่งขัน เพราะว่าจะทำให้ไทยมีอัตราค่าจ้างสูงกว่าเวียดนามถึง 5 เท่า และสูงกว่าอินโดนีเซียถึง 2.5-4.6 เท่า
