นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ผู้บริหาร ปตท. กล่าวว่า จากกรณีที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้น เมื่อวานนี้ กว่า 50 จุด เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วม แต่หลังจากนี้คงขึ้นอยู่กับการจัดสรรรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารประเทศหรือไม่ ขณะที่ภารกิจของรัฐบาล ในการดูแลราคาเชื้อเพลิง อยู่ที่การกำหนดนโยบายของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะทำ 2 หน้าที่ คือ เก็บเงินเข้ากองทุนฯ และการใช้เงินอุดหนุนเชื้อเพลิงบางตัว ทั้ง เอ็นจีวี แอลพีจี ไบโอดีเซล หากกองทุนฯ ทยอยลดการเก็บเงินเข้า รัฐบาลใหม่ต้องดูว่าจะนำเงินจากไหนมาอุดหนุน เพราะขณะนี้เอ็นจีวียังมีต้นทุนถึง 15 บาทต่อกิโลกรัม แต่ต้องขายปลีกที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งต้องใช้เงินรัฐบาลอุดหนุนถึง 3 บาท ทำให้ ปตท.ยังขาดทุน 4-5 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคานำเข้าก๊าซแอลพีจียังสูง แต่ต้องขายปลีกในประเทศต่ำ สิ่งเหล่านี้รัฐบาลใหม่ต้องดูว่า จะนำเงินจากส่วนไหนมาชดเชย
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมัน ขณะนี้ยังผันผวน โดยเฉพาะความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจยุโรป และปัญหากรีซ ส่วนแนวโน้มน้ำมันดิบ 6 เดือนข้างหน้า โอกาสลดลงมาอยู่ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันสำเร็จรูปทั้งเบนซิน และดีเซล อยู่ที่ 120 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนราคาขายปลีกในประเทศขึ้นลงอยู่กับการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมัน ขณะนี้ยังผันผวน โดยเฉพาะความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจยุโรป และปัญหากรีซ ส่วนแนวโน้มน้ำมันดิบ 6 เดือนข้างหน้า โอกาสลดลงมาอยู่ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันสำเร็จรูปทั้งเบนซิน และดีเซล อยู่ที่ 120 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนราคาขายปลีกในประเทศขึ้นลงอยู่กับการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ