น.ส.สมสุข บุญญะบัญชา อดีตผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูปชุดใหม่ ซึ่งมีตน รวมถึงนายสน รูปสูง และนายแก้ว สังข์ชู ผู้นำชุมชนอาวุโส เป็นประธานกรรมการร่วม ได้มีการประชุมคณะกรรมการฯ และเห็นร่วมกันในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยจากฐานราก โดยให้ชุมชนท้องถิ่นสามารถจัดการตนเองได้ ซึ่งในทางปฏิบัติต้องเกิดความร่วมมืออย่างจริงจังระหว่างทุกภาคส่วนในพื้นที่ชุมชนท้องถิ่น ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล และจังหวัด โดยเฉพาะหน่วยงานองค์กรปกครองท้องถิ่น ท้องที่ และขบวนองค์กรชุมชน
นายโชคชัย ลิ้มประดิษฐ์ กรรมการเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป กล่าวว่า การจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่นเกิดขึ้นอยู่แล้วในหลายพื้นที่ แต่การขยายผลรูปธรรมความสำเร็จ ที่เป็นเนื้อหาสำคัญ เช่น กลไกสภาองค์กรชุมชนตำบล ตาม พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ.2551 ให้มีน้ำหนัก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในชุมชนท้องถิ่น ซึ่งส่งผลต่อการปฏิรูปประเทศ ยังไม่เด่นชัด และเห็นว่าประชาชนต้องตระหนักในบทบาทของตนเองแล้วเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาพัฒนาตัวเองอย่างเป็นด้านหลัก ไม่ใช่ผู้รอรับแต่อย่างเดียว
ขณะที่นายนพดล แก้วสุพัฒน์ นายกสมาคม อบต.แห่งประเทศไทย กรรมการเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป กล่าวว่า ที่ผ่านมาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่วนใหญ่ได้ปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงของสภาพการณ์แล้ว และไม่ได้เห็นแย้งกับแนวทางการขับเคลื่อนของขบวนองค์กรชุมชน เพื่อให้เกิดการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่นในระดับพื้นที่ แต่เสนอว่าควรมีการทำความเข้าใจร่วมกันของทุกภาคส่วนในชุมชนท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อร่วมกันกำหนดเป้าหมายการพัฒนาร่วมกัน และในการปฏิรูประดับชาติ ก็ควรมีเวทีพูดคุยร่วมกันระหว่างขบวนองค์กรชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
นายแก้ว สังข์ชู ประธานกรรมการร่วมเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่กว่า 2,300 ตำบลทั่วประเทศ ก็มีการปฏิบัติจริงเพื่อให้เกิดการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่น และพร้อมขยายผลให้เกิดการเชื่อมโยงพื้นที่ ประเด็นงาน เพื่อผลักดันการขับเคลื่อนสู่ระดับจังหวัด เป็นการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่นในระดับจังหวัด ซึ่งอาจต้องมีกลไกการขับเคลื่อนงานเพิ่มเติม อาทิ คณะทำงานชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองจังหวัด ที่ทุกฝ่าย ทั้ง อปท. ท้องที่ ภาคีพัฒนา และขบวนองค์กรชุมชนในแต่ละจังหวัด มาร่วมกันทำงาน
นายโชคชัย ลิ้มประดิษฐ์ กรรมการเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป กล่าวว่า การจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่นเกิดขึ้นอยู่แล้วในหลายพื้นที่ แต่การขยายผลรูปธรรมความสำเร็จ ที่เป็นเนื้อหาสำคัญ เช่น กลไกสภาองค์กรชุมชนตำบล ตาม พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ.2551 ให้มีน้ำหนัก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในชุมชนท้องถิ่น ซึ่งส่งผลต่อการปฏิรูปประเทศ ยังไม่เด่นชัด และเห็นว่าประชาชนต้องตระหนักในบทบาทของตนเองแล้วเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาพัฒนาตัวเองอย่างเป็นด้านหลัก ไม่ใช่ผู้รอรับแต่อย่างเดียว
ขณะที่นายนพดล แก้วสุพัฒน์ นายกสมาคม อบต.แห่งประเทศไทย กรรมการเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป กล่าวว่า ที่ผ่านมาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่วนใหญ่ได้ปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงของสภาพการณ์แล้ว และไม่ได้เห็นแย้งกับแนวทางการขับเคลื่อนของขบวนองค์กรชุมชน เพื่อให้เกิดการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่นในระดับพื้นที่ แต่เสนอว่าควรมีการทำความเข้าใจร่วมกันของทุกภาคส่วนในชุมชนท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อร่วมกันกำหนดเป้าหมายการพัฒนาร่วมกัน และในการปฏิรูประดับชาติ ก็ควรมีเวทีพูดคุยร่วมกันระหว่างขบวนองค์กรชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
นายแก้ว สังข์ชู ประธานกรรมการร่วมเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่กว่า 2,300 ตำบลทั่วประเทศ ก็มีการปฏิบัติจริงเพื่อให้เกิดการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่น และพร้อมขยายผลให้เกิดการเชื่อมโยงพื้นที่ ประเด็นงาน เพื่อผลักดันการขับเคลื่อนสู่ระดับจังหวัด เป็นการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่นในระดับจังหวัด ซึ่งอาจต้องมีกลไกการขับเคลื่อนงานเพิ่มเติม อาทิ คณะทำงานชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองจังหวัด ที่ทุกฝ่าย ทั้ง อปท. ท้องที่ ภาคีพัฒนา และขบวนองค์กรชุมชนในแต่ละจังหวัด มาร่วมกันทำงาน
