นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) กล่าวว่า สสช.สำรวจสุขภาพจิตคนไทย ปี 2553 พบว่า คนไทยอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป มีคะแนนสุขภาพจิต 33 คะแนน อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสุขภาพจิตคนทั่วไป ส่วนผู้ที่มีสุขภาพจิตต่ำกว่าคนทั่วไป พบร้อยละ 11.2 และสุขภาพจิตสูงกว่าคนทั่วไป ร้อยละ 37.2 ซึ่งเพศชายมีสุขภาพจิตดีกว่าเพศหญิง และช่วงอายุ 40-59 ปี จะเป็นกลุ่มที่มีสุขภาพจิตสูงสุด เนื่องจากมีอาชีพ ความมั่นคงทางการเงิน มากกว่ากลุ่มอายุอื่น และเมื่อเปรียบเทียบสุขภาพจิตคนไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาพบว่า โดยรวมคนไทยมีสุขภาพจิตดีขึ้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันจำนวนผู้มีสุขภาพจิตต่ำลดลงเช่นกัน
เมื่อจำแนกตามเขตปกครอง พบว่า ผู้ที่อยู่นอกเขตเทศบาล จะมีสุขภาพจิตดีกว่าในเขตเทศบาล โดยประชาชนทุกภาคมีสุขภาพจิตดีขึ้นต่อเนื่อง ยกเว้นภาคใต้ ที่มีคะแนนสุขภาพจิตลดลง ในปี 2552 เล็กน้อย อาจเนื่องมาจากปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ขณะที่ปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ กลับไม่กระทบสุขภาพจิตคนกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ รายได้ ความมั่นคงทางอาชีพ ความอบอุ่นในครอบครัว และสวัสดิการความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับสุขภาพจิตของคนไทยทั่วประเทศ โดยพบว่า ผู้ที่มีรายได้ มีอาชีพมั่นคง และมีสวัสดิการทางสังคมที่พร้อม จะมีสุขภาพจิตดีกว่าผู้มีรายได้ต่ำ และสวัสดิการไม่พร้อม
เมื่อจำแนกตามเขตปกครอง พบว่า ผู้ที่อยู่นอกเขตเทศบาล จะมีสุขภาพจิตดีกว่าในเขตเทศบาล โดยประชาชนทุกภาคมีสุขภาพจิตดีขึ้นต่อเนื่อง ยกเว้นภาคใต้ ที่มีคะแนนสุขภาพจิตลดลง ในปี 2552 เล็กน้อย อาจเนื่องมาจากปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ขณะที่ปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ กลับไม่กระทบสุขภาพจิตคนกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ รายได้ ความมั่นคงทางอาชีพ ความอบอุ่นในครอบครัว และสวัสดิการความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับสุขภาพจิตของคนไทยทั่วประเทศ โดยพบว่า ผู้ที่มีรายได้ มีอาชีพมั่นคง และมีสวัสดิการทางสังคมที่พร้อม จะมีสุขภาพจิตดีกว่าผู้มีรายได้ต่ำ และสวัสดิการไม่พร้อม
