นางจีรนันท์ วงษ์มงคล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เปิดเผยว่า เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เริ่มยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อการส่งออก-การค้าชายแดนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เชื่อว่านักธุรกิจไทยสามารถปรับตัวได้ แม้สถานที่เกิดเหตุใกล้ชายแดนบางด่านถูกปิด ทำให้ไม่สามารถสินค้าวัสดุก่อสร้างและน้ำมันได้ แต่จะกระทบต่อผู้บริโภคชาวกัมพูชามากกว่า
ส่วนโครงการของภาคเอกชน เช่น สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ที่มีความร่วมมือในการเพิ่มผลผลิต และพัฒนาระบบโลจิสติกส์ คาดว่าจะดำเนินการต่อไป เพราะเป็นการพัฒนาการค้าข้าวร่วมกัน ขณะที่ การค้าไทย-กัมพูชา ไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.54) ยังคงขยายตัวร้อยละ 31 มูลค่า 662 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทราย เครื่องดื่ม เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ ปูนซีเมนต์ เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เหล็ก ผลิตภัณฑ์บาง ผ้าผืน รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ โดยในปี 2553 ส่งออกไปกัมพูชา 2,342 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวกว่าร้อยละ 48
ส่วนโครงการของภาคเอกชน เช่น สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ที่มีความร่วมมือในการเพิ่มผลผลิต และพัฒนาระบบโลจิสติกส์ คาดว่าจะดำเนินการต่อไป เพราะเป็นการพัฒนาการค้าข้าวร่วมกัน ขณะที่ การค้าไทย-กัมพูชา ไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.54) ยังคงขยายตัวร้อยละ 31 มูลค่า 662 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทราย เครื่องดื่ม เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ ปูนซีเมนต์ เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เหล็ก ผลิตภัณฑ์บาง ผ้าผืน รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ โดยในปี 2553 ส่งออกไปกัมพูชา 2,342 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวกว่าร้อยละ 48