สภาหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยถึงผลกระทบเศรษฐกิจ โดยภาพรวมการค้าตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สูญเสียแล้วกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ และเกรงว่าจะเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้น หากยังไม่มีคนกลางจากประเทศที่ 3 เข้ามาไกล่เกลี่ยปัญหาให้ยุติลงได้ และอาจจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีมูลค่าปีละกว่า 40,000 ล้านบาท ในระยะยาว
โดยเศรษฐกิจบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ แม้ว่าจะมีมูลค่าไม่มาก เพียง 10-15 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าเศรษฐกิจชายแดนไทย-กัมพูชา แต่อาจจะลุกลามไปยัง จ.สระแก้ว และ จ.ตราด หากเหตุการณ์บานปลายไปยังจังหวัดอื่น จะทำให้การแก้ไขปัญหายากขึ้น และส่งผลกระทบทำให้การค้าขายทั้ง 2 ประเทศเกิดความไม่มั่นใจกับสถานการณ์ ซึ่งจะทำให้บรรยากาศการลงทุนในพื้นที่เสียไป
เรื่องนี้ นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อถึง 6 เดือน จะกระทบต่อการส่งออกและการค้าชายแดน หายไปถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งฝ่ายไทยได้รับผลกระทบในส่วนของการส่งออกค่อนข้างมาก ขณะที่การท่องเที่ยวระหว่างกันจะลดลง หากปัญหาจบลงได้เร็ว ผลกระทบในส่วนของการส่งออกและการท่องเที่ยวจากไทยไปกัมพูชา จะได้รับผลกระทบเพียง 10-30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
โดยเศรษฐกิจบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ แม้ว่าจะมีมูลค่าไม่มาก เพียง 10-15 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าเศรษฐกิจชายแดนไทย-กัมพูชา แต่อาจจะลุกลามไปยัง จ.สระแก้ว และ จ.ตราด หากเหตุการณ์บานปลายไปยังจังหวัดอื่น จะทำให้การแก้ไขปัญหายากขึ้น และส่งผลกระทบทำให้การค้าขายทั้ง 2 ประเทศเกิดความไม่มั่นใจกับสถานการณ์ ซึ่งจะทำให้บรรยากาศการลงทุนในพื้นที่เสียไป
เรื่องนี้ นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อถึง 6 เดือน จะกระทบต่อการส่งออกและการค้าชายแดน หายไปถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งฝ่ายไทยได้รับผลกระทบในส่วนของการส่งออกค่อนข้างมาก ขณะที่การท่องเที่ยวระหว่างกันจะลดลง หากปัญหาจบลงได้เร็ว ผลกระทบในส่วนของการส่งออกและการท่องเที่ยวจากไทยไปกัมพูชา จะได้รับผลกระทบเพียง 10-30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
