นายอลงกรณ์ พลบุตร กล่าวว่า สถานการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นขณะนี้ อาจส่งผลกระทบต่อการจัดงาน เดอะ เฟิร์ส แคมโบเดียนไทย-บิสซิเนส ซัมมิท 2011 ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งหากสถานการณ์ลุกลามบายปลาย อาจต้องเลื่อนการจัดงานออกไป อย่างไรก็ตาม ต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
ทั้งนี้ การจัดงาน เดอะ เฟิร์ส แคมโบเดียนไทย-บิสซิเนส ซัมมิท 2011 จะเป็นการเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศและการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคการค้าต่างประเทศของไทย ซึ่งในอีก 3 ปี 11 เดือน จะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ดังนั้น รัฐบาลได้วางเป้าหมายในอนาคต โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์ 3 วงแหวน เป็นตลาดเป้าหมายหลัก ได้แก่ ประชาคมอาเซียน อาเซียนบวกสาม คือ จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และอาเซียนบวก 6 ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง และกระจายสินค้าและบริการสู่ตลาดโลกผ่าน 5 ประตูการค้า ได้แก่ ประตูเหนือ ประตูใต้ ประตูตะวันตก ประตูตะวันออก ประตูตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งกัมพูชาเป็นประตูตะวันออก พร้อมสร้างกลไกลใหม่ ให้ภาคเอกชนไทยเห็นปัญหาของประเทศเพื่อนบ้าน และนำมาปรับปรุงแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ความขัดแย้งไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าเริ่มชินกับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว พร้อมเห็นว่าการค้าขายเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเดินหน้าต่อไป
ทั้งนี้ การจัดงาน เดอะ เฟิร์ส แคมโบเดียนไทย-บิสซิเนส ซัมมิท 2011 จะเป็นการเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศและการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคการค้าต่างประเทศของไทย ซึ่งในอีก 3 ปี 11 เดือน จะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ดังนั้น รัฐบาลได้วางเป้าหมายในอนาคต โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์ 3 วงแหวน เป็นตลาดเป้าหมายหลัก ได้แก่ ประชาคมอาเซียน อาเซียนบวกสาม คือ จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และอาเซียนบวก 6 ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง และกระจายสินค้าและบริการสู่ตลาดโลกผ่าน 5 ประตูการค้า ได้แก่ ประตูเหนือ ประตูใต้ ประตูตะวันตก ประตูตะวันออก ประตูตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งกัมพูชาเป็นประตูตะวันออก พร้อมสร้างกลไกลใหม่ ให้ภาคเอกชนไทยเห็นปัญหาของประเทศเพื่อนบ้าน และนำมาปรับปรุงแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ความขัดแย้งไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าเริ่มชินกับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว พร้อมเห็นว่าการค้าขายเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเดินหน้าต่อไป
