นายธีรกุล นิยม ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 7 หรือเจซี ที่ จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ว่า เป็นการประชุมร่วมอย่างไม่เป็นทางการ ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสโดยมีปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และนายอึง เซียน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา เป็นประธานร่วม โดยมีการหารือถึงความร่วมมือไทย-กัมพูชาในภาพรวม ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง สังคม-วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ซึ่งแบ่งการประชุมออกเป็น 3 กลุ่มย่อย บรรยากาศการประชุมเป็นไปได้ด้วยดี ขณะที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างให้ความสนใจในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะนำไปสู่การร่วมมือกันในทุกมิติ
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นว่าต้องการให้การทำงานของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี เดินหน้า เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเขตแดน ที่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนปัญหาการข้ามพรมแดนต้องร่วมกันแก้ไข ทั้งปัญหายาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งอยู่ในการหารือในประเด็นการเมืองและความมั่นคง ขณะที่ด้านสังคม จะเน้นให้ความสำคัญด้านการศึกษา ซึ่งกัมพูชาสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงสนับสนุนการจัดตั้งโรงเรียนใน จ.กัมปงทม ซึ่งเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานที่สอดคล้องกับความต้องการของสังคมของกัมพูชา ไปจนถึงปี 2556 และขอบคุณทางการไทยที่ให้การสนับสนุนเรื่องทุนการศึกษา และมีการจ้างแรงงานที่ถูกกฎหมายมากขึ้น รวมทั้งประเด็นด้านสังคมเน้นความสำคัญด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะการให้การพัฒนาด้านสาธารณสุขแก่กัมพูชา ด้านเศรษฐกิจ จะเน้นการท่องเที่ยว รวมทั้งจะเร่งดำเนินการ single visa เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนทั้ง 2 ประเทศในการออกวีซ่า พร้อมทั้งจะทำให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จัก โดยกระทรวงพาณิชย์จะจัดแสดงสินค้าไทยในกัมพูชา ระหว่างวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์นี้
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่ายต่างให้ความสำคัญ ที่จะผลักดันความร่วมมือระหว่างไทย-กัมพูชาให้มีความคืบหน้าต่อไป ส่วนปัญหาความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า มีความเข้าใจ และจะเดินหน้าร่วมกันแก้ไขปัญหาต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นว่าต้องการให้การทำงานของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี เดินหน้า เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเขตแดน ที่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนปัญหาการข้ามพรมแดนต้องร่วมกันแก้ไข ทั้งปัญหายาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งอยู่ในการหารือในประเด็นการเมืองและความมั่นคง ขณะที่ด้านสังคม จะเน้นให้ความสำคัญด้านการศึกษา ซึ่งกัมพูชาสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงสนับสนุนการจัดตั้งโรงเรียนใน จ.กัมปงทม ซึ่งเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานที่สอดคล้องกับความต้องการของสังคมของกัมพูชา ไปจนถึงปี 2556 และขอบคุณทางการไทยที่ให้การสนับสนุนเรื่องทุนการศึกษา และมีการจ้างแรงงานที่ถูกกฎหมายมากขึ้น รวมทั้งประเด็นด้านสังคมเน้นความสำคัญด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะการให้การพัฒนาด้านสาธารณสุขแก่กัมพูชา ด้านเศรษฐกิจ จะเน้นการท่องเที่ยว รวมทั้งจะเร่งดำเนินการ single visa เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนทั้ง 2 ประเทศในการออกวีซ่า พร้อมทั้งจะทำให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จัก โดยกระทรวงพาณิชย์จะจัดแสดงสินค้าไทยในกัมพูชา ระหว่างวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์นี้
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่ายต่างให้ความสำคัญ ที่จะผลักดันความร่วมมือระหว่างไทย-กัมพูชาให้มีความคืบหน้าต่อไป ส่วนปัญหาความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า มีความเข้าใจ และจะเดินหน้าร่วมกันแก้ไขปัญหาต่อไป
