xs
xsm
sm
md
lg

ครม.ผ่านร่าง กม.โดยให้ ส.ส.-ส.ว.ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพ.มารุต มัสยวานิช
ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่รัฐ โดยให้ ส.ส.-ส.ว.ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนออนุมัติ บันทึกความเข้าใจความร่วมมือต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและพัฒนาความร่วมมือของตำรวจ

วันนี้ (11 ม.ค.) นพ.มารุต มัสยวานิช รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ..... ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา โดย 1.มีการกำหนดบทนิยามคำว่า “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ให้มีความหมายครอบคลุมเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท รวมทั้งเจ้าหน้าที่ในส่วนราชการ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่ยังไม่มีบัตรประจำตัว หรือมีเหตุผลความจำเป็นต้องมีบัตรประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ 2.กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสมาชิกสภาท้องถิ่น มีสิทธิได้รับและใช้บัตรประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย

นพ.มารุต กล่าวต่อว่า ประการที่ 3.กำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีบัตรประจำตัวตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งข้อยกเว้นไม่ใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีกฎหมายกำหนดให้ออกบัตรประจำตัวให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ไม่ต้องมีบัตรประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัตินี้ 4.กำหนดให้บัตรประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้ออกตามพระราชบัญญัติบัตรประจำเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2542 ให้คงใช้ได้ต่อไปจนถึงวันที่บัตรนั้นหมดอายุ และ 5.กำหนดให้หน่วยงานของรัฐออกบัตรประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งยังไม่เคยมีบัตรประจำตัวให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

นพ.มารุต แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ครม.อนุมัติให้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและพัฒนาความร่วมมือของตำรวจ ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับสำนักงานตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) เสนอ และขอให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) มีหนังสือมอบอำนาจเต็ม ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผู้แทน ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่า

ตามมติคณะรัฐมนตรี (10 พ.ย.) ที่ให้ ตช.ดำเนินการตามความเห็นของ สำนักงบประมาณ (สงป.) นั้น การดำเนินการบันทึกความเข้าใจฯ ที่ผ่านมา ตช.สามารถดำเนินการได้ภายในงบประมาณปกติ ไม่ก่อให้เกิดผลผูกพันงบประมาณในอนาคตแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ทางการออสเตรเลีย ได้มีหนังสือแจ้งให้ทราบว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติออสเตรเลียมีกำหนดเดินทางมายังประเทศไทย ระหว่างวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ 2554 และประสงค์ที่จะเข้าพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น