“พงศพัศ” เป็นประธานเปิดสัมมนาป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมี ตร.สากลกว่า 30 ประเทศเข้าร่วมพูดคุยถกประเด็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแลกเปลี่ยนข้อมูลของกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ ระบุหลังการเสียชีวิตของ “บิน ลาดิน” ตร.ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มสมาชิกอยู่ตลอดแต่ยังไม่พบสิ่งใดบอกเหตุ
วันนี้ (9 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา (มค 2) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ (ผอ.ศปอช.ตร.) เป็นประธานในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลกว่า 30 ประเทศ และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอีก 53 ด่าน เข้าร่วมสัมมนา
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวก่อนการสัมมนาว่า ก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่าประเทศไทยถือเป็นที่หลบซ่อนและแหล่งหาข้อมูลของกลุ่มก่อการร้ายในหลายกลุ่ม แต่ในปัจจุบันถือว่าปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวมีแนวโน้มลดลงเป็นอย่างมาก ประกอบกับอีกในไม่กี่ปีข้างหน้า ประเทศในประชาคมอาเซียนก็เตรียมที่จะเปิดให้มีการค้าเสรีระหว่างประเทศขึ้น ดังนั้น ทาง ตร.จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาหารือเพื่อหามาตรการมารองรับและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดประเทศอย่างเสรี โดยจะพูดคุยกันในประเด็นเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ และแลกเปลี่ยนข้อมูลของกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวอีกว่า ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลถึงผลกระทบที่อาจตามมาจากการเสียชีวิตของนายอุซามะห์ บิน ลาดิน ผู้นำกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์นั้น ขณะนี้ทางฝ่ายการข่าวกำลังติดตามสถานการณ์อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของเครือข่ายและสมาชิก แต่ก็ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุใดๆ ซึ่งถ้ากลุ่มที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายมีความเคลื่อนไหว ก็จะมีการเข้าไปตรวจสอบทันที รวมทั้งหลังจากนี้คงต้องหามาตรการป้องกันและเฝ้าระวังสถานการณ์ไว้ก่อน จะได้เป็นการรู้เขารู้เราด้วย
เมื่อถามว่า เหตุการณ์เสียชีวิตของนายอุซามะห์ บิน ลาดิน ส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รุนแรงขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า เรื่องนี้คงไม่มีความเกี่ยวข้องและไม่มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งตอนนี้ทางการข่าวของทหาร ศอ.บต. และศชต.ตร.ก็กำลังติดตามอยู่ โดยขณะนี้เหตุการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ยังคงเป็นเรื่องในประเทศอยู่และถ้ามีผู้กระทำผิด เราก็ต้องติดตามมาดำเนินคดีทางกฎหมาย