นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 08.30 น.ที่ผ่านมา ศาลกัมพูชาได้เรียก นายวีระ สมความคิด ไปรับทราบข้อกล่าวหา และไต่สวนเพิ่มเติมในข้อหาใหม่ คือ พยายามประมวลข่าวสารซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการป้องกันประเทศ ใช้เวลา 45 นาที เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์กัมพูชา ได้ควบคุมตัวนายวีระกลับไปที่เรือนจำเพรย์ซอว์ และเตรียมไต่สวนนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ต่อทันที ซึ่งขณะนี้ทนายความชาวกัมพูชา กำลังหารือกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เกี่ยวกับแนวทางการสู้คดี ส่วนอีก 5 คน ที่ไม่ได้ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ศาลกัมพูชายังไม่มีคำสั่งเพิ่มเติมว่า จะไต่สวนต่อหรือจะพิจารณาคดี ซึ่งคงต้องรอฟังผลเรื่องการขอประกันตัวต่อไป
ขณะที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่เคยสั่งให้คนไทยทั้ง 7 รับสารภาพ เพื่อเตรียมขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ให้พูดไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า เข้าไปดูปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านตามแนวชายแดนที่ร้องเรียนมา ไม่ได้มีเจตนาเข้าไปในพื้นที่ที่กัมพูชาดูแล
นายชวนนท์กล่าวอีกว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้มีคำสั่งให้เปลี่ยนคำพูดที่ว่า "คนไทยทั้ง 7 รุกล้ำดินแดนกัมพูชา" เป็น "เข้าไปในพื้นที่ที่กัมพูชาดูแล" เพื่อต่อสู้ว่า จุดที่มีการจับกุมเป็นดินแดนไทย เพราะทุกอย่างต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง แต่ส่วนตัวเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ยังปักปันเขตแดนไม่เสร็จ การดูแลพื้นที่ดังกล่าว เป็นไปตามข้อตกลงที่กองทัพทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ชายแดนตกลงไว้
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่า ปัญหากรณี 7 คนไทย ไม่ได้กระทบต่อการเจรจาและความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ เนื่องจากกำหนดการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายซก อาน รองนายกฯกัมพูชา ในฐานะแขกของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยังเป็นช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อกำหนดวันเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง เช่นเดียวกับกำหนดการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย - กัมพูชา (JC) ระหว่างวันที่ 3 - 4 กุมภาพันธ์ ที่ จ.เสียมราฐ ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม ซึ่งนายกษิต จะได้พบกับนายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา ด้วย
ขณะที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่เคยสั่งให้คนไทยทั้ง 7 รับสารภาพ เพื่อเตรียมขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ให้พูดไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า เข้าไปดูปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านตามแนวชายแดนที่ร้องเรียนมา ไม่ได้มีเจตนาเข้าไปในพื้นที่ที่กัมพูชาดูแล
นายชวนนท์กล่าวอีกว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้มีคำสั่งให้เปลี่ยนคำพูดที่ว่า "คนไทยทั้ง 7 รุกล้ำดินแดนกัมพูชา" เป็น "เข้าไปในพื้นที่ที่กัมพูชาดูแล" เพื่อต่อสู้ว่า จุดที่มีการจับกุมเป็นดินแดนไทย เพราะทุกอย่างต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง แต่ส่วนตัวเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ยังปักปันเขตแดนไม่เสร็จ การดูแลพื้นที่ดังกล่าว เป็นไปตามข้อตกลงที่กองทัพทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ชายแดนตกลงไว้
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่า ปัญหากรณี 7 คนไทย ไม่ได้กระทบต่อการเจรจาและความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ เนื่องจากกำหนดการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายซก อาน รองนายกฯกัมพูชา ในฐานะแขกของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยังเป็นช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อกำหนดวันเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง เช่นเดียวกับกำหนดการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย - กัมพูชา (JC) ระหว่างวันที่ 3 - 4 กุมภาพันธ์ ที่ จ.เสียมราฐ ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม ซึ่งนายกษิต จะได้พบกับนายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา ด้วย
