นางพรรณสิริ กุลนาถสิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชน ลด ละ เลิก สูบบุหรี่ทุกชนิด เพื่อลดการเจ็บป่วยจากการสูดสารอันตรายที่อยู่ในบุหรี่ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอด โรคถุงลมปอดโป่งพองเรื้อรัง ที่ปัจจุบันมีคนไทยป่วยจากโรคดังกล่าวประมาณ 200,000 คน ดังนั้นในปี 2553 จะมีกฎหมายที่ออกตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2535 มีผลบังคับใช้อีก 1 ฉบับ คือประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแสดงฉลากรูปภาพ และข้อความคำเตือน ถึงพิษภัยของบุหรี่ พ.ศ. 2552 ซึ่งมีสาระว่าด้วยการบังคับให้บริษัทผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าบุหรี่ทุกชนิดที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทย ต้องพิมพ์ภาพคำเตือนภัย จำนวน 10 ภาพ พิมพ์ด้วย 4 สี มีพื้นที่ขนาดร้อยละ 55 บนซองบุหรี่ด้านหน้า และด้านหลังทุกซอง พร้อมเบอร์โทรสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 เพื่อให้ประชาชนที่สูบบุหรี่ หรือผู้ที่กำลังจะริลองสูบบุหรี่ ได้เห็นพิษภัยอันตรายของสารพิษในบุหรี่ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งประกาศดังกล่าว จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป ส่วนผลิตภัณฑ์ยาสูบรุ่นเก่าที่ยังตกค้างในท้องตลาด อนุโลมให้จำหน่ายต่อไปอีก 90 วัน จากนั้นจะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2552 ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2553 เป็นต้นไป
นางพรรณสิริ กล่าต่อไปว่า วิธีการพิมพ์ภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ ถือเป็นการรณรงค์ให้ข้อมูลแก่ผู้สูบบุหรี่ และผู้ไม่สูบบุหรี่ตรงกลุ่มที่สุด และประหยัดที่สุด เป็นที่ยอมรับขององค์การอนามัยโลก ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ 4 ที่ใช้การรณรงค์วิธีนี้ มาตรการของไทยนี้ เป็นที่สนใจของ 5 ประเทศ ได้แก่มาเลเซีย บรูไน ลาว คาซัคสถาน และสิงคโปร์ ได้ขอต้นแบบภาพคำเตือนนี้ นำไปใช้ในประเทศด้วย นอกจากนี้การบังคับพิมพ์ภาพคำเตือนนี้ ยังมีผลในการควบคุมบุหรี่เถื่อน หรือบุหรี่หนีภาษีอีกด้วย
นางพรรณสิริ กล่าต่อไปว่า วิธีการพิมพ์ภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ ถือเป็นการรณรงค์ให้ข้อมูลแก่ผู้สูบบุหรี่ และผู้ไม่สูบบุหรี่ตรงกลุ่มที่สุด และประหยัดที่สุด เป็นที่ยอมรับขององค์การอนามัยโลก ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ 4 ที่ใช้การรณรงค์วิธีนี้ มาตรการของไทยนี้ เป็นที่สนใจของ 5 ประเทศ ได้แก่มาเลเซีย บรูไน ลาว คาซัคสถาน และสิงคโปร์ ได้ขอต้นแบบภาพคำเตือนนี้ นำไปใช้ในประเทศด้วย นอกจากนี้การบังคับพิมพ์ภาพคำเตือนนี้ ยังมีผลในการควบคุมบุหรี่เถื่อน หรือบุหรี่หนีภาษีอีกด้วย