นายสุรพงษ์ กองจันทึก ตัวแทนสภาทนายความ กล่าวในการเสวนาเรื่อง "หนทางแห่งการให้สิทธิขั้นพื้นฐานกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ" โดยระบุว่า การที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณด้านการรักษาพยาบาล จำนวน 472 ล้านบาท ให้กับคนไร้สัญชาติ 475,409 คน นั้น เป็นความคืบหน้าด้านสิทธิมนุษยชน ในการดูแลประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม เนื่องจากในมาตรา 51 ของรัฐธรรมนูญ ระบุชัดเจนว่า บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการทางสาธารณสุขที่เหมาะสม และได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะมีสัญชาติไทยหรือไม่
พร้อมกันนี้ นายสุรพงษ์ เห็นว่า คนไทยไร้สัญชาติที่ได้รับสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลครั้งนี้ เป็น 1 ใน 3 ของกลุ่มคนตามแนวชายแดนเท่านั้น ซึ่งยังมีอีก 2 กลุ่ม ที่ยังเป็นภาระของโรงพยาบาลตามแนวชายแดน ได้แก่ แรงงานต่างด้าว และกลุ่มคนลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ดังนั้น ควรบริหารจัดการกองทุนในปีต่อไป เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายที่ยั่งยืน
นายแพทย์วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้ประสานงานเครือข่ ายโรงพยาบาลชายแดน กล่าวว่า กฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติระบุ ต้องเป็นคนที่สัญชาติไทยเท่านั้น รัฐบาลควรเร่งพิสูจน์สัญชาติบุคคลกว่า 470,000 คน เพื่อให้เข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ตามปกติ
ทั้งนี้ เสนอให้กระทรวงสาธารณสุขตั้งคณะทำงาน โดยมีตัวแทนแต่ละภาคส่วนเข้าไปมีส่วนร่วม เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาแต่ละพื้นที่ และเกิดการจัดสรรงบประมาณตามสภาพของแต่ละพื้นที่ได้อย่างตรงจุด และกระทรวงสาธารณสุขไม่ต้องแบกรับภาระตรงนี้ในอนาคต
พร้อมกันนี้ นายสุรพงษ์ เห็นว่า คนไทยไร้สัญชาติที่ได้รับสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลครั้งนี้ เป็น 1 ใน 3 ของกลุ่มคนตามแนวชายแดนเท่านั้น ซึ่งยังมีอีก 2 กลุ่ม ที่ยังเป็นภาระของโรงพยาบาลตามแนวชายแดน ได้แก่ แรงงานต่างด้าว และกลุ่มคนลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ดังนั้น ควรบริหารจัดการกองทุนในปีต่อไป เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายที่ยั่งยืน
นายแพทย์วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้ประสานงานเครือข่ ายโรงพยาบาลชายแดน กล่าวว่า กฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติระบุ ต้องเป็นคนที่สัญชาติไทยเท่านั้น รัฐบาลควรเร่งพิสูจน์สัญชาติบุคคลกว่า 470,000 คน เพื่อให้เข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ตามปกติ
ทั้งนี้ เสนอให้กระทรวงสาธารณสุขตั้งคณะทำงาน โดยมีตัวแทนแต่ละภาคส่วนเข้าไปมีส่วนร่วม เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาแต่ละพื้นที่ และเกิดการจัดสรรงบประมาณตามสภาพของแต่ละพื้นที่ได้อย่างตรงจุด และกระทรวงสาธารณสุขไม่ต้องแบกรับภาระตรงนี้ในอนาคต