เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุวันจันทร์ (22) ว่าประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะต้องลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและสวัสดิการสังคมให้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมการเติบโตในระยะยาวในภูมิภาค รวมทั้งยังมีประชากรอีกหลายล้านคนที่กลับตกลงสู่ภาวะยากจนหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกรอบนี้
จอห์น ลิปสกี รองกรรมการผู้จัดการคนที่หนึ่งของไอเอ็มเอฟ กล่าวในที่ประชุมว่าด้วยเรื่องการเติบโตและการลดความยากจนของเอเชียหลังวิกฤตเศรษฐกิจโลก ที่กรุงฮานอย โดยผู้กำหนดนโยบาย นักการทูต นักวิเคราะห์ และกลุ่มองค์กรพัฒนาภาคเอกชน ราว 100 คนเข้าร่วม ว่า แม้เอเชียจะมีเสถียรภาพในเชิงเศรษฐกิจมหภาคโดยรวม แต่ยังคงมีภัยคุกคามบางประการ จึงต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคการเงินให้มากขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว
เขาชี้ว่าเอเชียมีส่วนสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจโลกคราวนี้ แต่ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียก็กำลังมีปัญหาสำคัญในเชิงนโยบาย
“เราไม่ควรลืมว่ายังมีคนยากจนและขาดความมั่นคงอยู่อีกมาก การปรับเปลี่ยนนโยบายทางเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาแม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจก่อปัญหาใหญ่ได้” ลิปสกีกล่าว
เขายกตัวอย่างว่า วิกฤตการณ์เศรษฐกิจล่าสุดทำให้คนในเอเชียราว 14 ล้านคนต้องกลับเป็นคนยากจนอีกครั้ง และว่า “ความยากจนในภาคเกษตรกรรมยังเป็นปัญหาใหญ่ โดยส่วนหนึ่งเห็นได้จากช่องว่างของรายได้ระหว่างคนในเมืองกับชนบทที่กว้างออกมากขึ้น”
ลิปสกีมองว่าหลายประเทศในเอเชียมีปัญหาการขาดดุลงบประมาณมหาศาล มีอัตราเติบโตของสินเชื่อและภาวะเงินเฟ้อสูง แต่มีเงินสำรองระหว่างประเทศต่ำ
ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว เรื่องสำคัญก็คือการสร้างแนวกันชนด้านนโยบายและปรับปรุงภาคการเงินให้แข็งแกร่ง
จอห์น ลิปสกี รองกรรมการผู้จัดการคนที่หนึ่งของไอเอ็มเอฟ กล่าวในที่ประชุมว่าด้วยเรื่องการเติบโตและการลดความยากจนของเอเชียหลังวิกฤตเศรษฐกิจโลก ที่กรุงฮานอย โดยผู้กำหนดนโยบาย นักการทูต นักวิเคราะห์ และกลุ่มองค์กรพัฒนาภาคเอกชน ราว 100 คนเข้าร่วม ว่า แม้เอเชียจะมีเสถียรภาพในเชิงเศรษฐกิจมหภาคโดยรวม แต่ยังคงมีภัยคุกคามบางประการ จึงต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคการเงินให้มากขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว
เขาชี้ว่าเอเชียมีส่วนสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจโลกคราวนี้ แต่ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียก็กำลังมีปัญหาสำคัญในเชิงนโยบาย
“เราไม่ควรลืมว่ายังมีคนยากจนและขาดความมั่นคงอยู่อีกมาก การปรับเปลี่ยนนโยบายทางเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาแม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจก่อปัญหาใหญ่ได้” ลิปสกีกล่าว
เขายกตัวอย่างว่า วิกฤตการณ์เศรษฐกิจล่าสุดทำให้คนในเอเชียราว 14 ล้านคนต้องกลับเป็นคนยากจนอีกครั้ง และว่า “ความยากจนในภาคเกษตรกรรมยังเป็นปัญหาใหญ่ โดยส่วนหนึ่งเห็นได้จากช่องว่างของรายได้ระหว่างคนในเมืองกับชนบทที่กว้างออกมากขึ้น”
ลิปสกีมองว่าหลายประเทศในเอเชียมีปัญหาการขาดดุลงบประมาณมหาศาล มีอัตราเติบโตของสินเชื่อและภาวะเงินเฟ้อสูง แต่มีเงินสำรองระหว่างประเทศต่ำ
ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว เรื่องสำคัญก็คือการสร้างแนวกันชนด้านนโยบายและปรับปรุงภาคการเงินให้แข็งแกร่ง
