นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองภายหลังคดียึดทรัพย์ กว่า 46,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า สถานการณ์ทางการเมืองจากนี้ไม่ต่างจากวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เพราะเป้าหมายของกลุ่มที่เคลื่อนไหวยังไม่สำเร็จ ซึ่งเหตุการณ์จะรุนแรงหรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชน ส่วนเงื่อนไขการชุมนุมวันที่ 14 มีนาคม จะอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจาการยึดทรัพย์ เห็นว่าเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะยึดหรือไม่ยึดยังมีการชุมนุม ต่างกันเพียงอารมณ์ของผู้ชุมนุมที่อาจเปลี่ยนไปเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลจะประเมิณสถานการณ์เป็นระยะ
ส่วนรัฐบาลจะเดินหน้าบริหารประเทศต่อไป ซึ่งที่ผ่านมากว่า 1 ปี สามารถสร้างภาพลักษณ์ในสายนานาชาติ และเชื่อว่าหากทุกคนร่วมมือกันจะสร้างความเชื่อมั่น และทำให้ประเทศกลับสู่ภาวะปกติ ส่วนการยุบสภาไม่ใช่การแก้ไขปัญหา ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญปล่อยให้เป็นกระบวนการรัฐสภา
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า หลังจากการยึดทรัพย์จำนวนดังกล่าวแล้ว ถือเป็นรายได้ที่จัดเก็บเกินเป้าหมายที่คาดไว้ ซึ่งรัฐบาลจะนำไปใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยไม่มีความจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนยกเลิกบางมาตรการ อาทิ น้ำประปาฟรี รถไฟและรถโดยสารฟรี เพื่อให้การกระตุ้นเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ระบบปกติ
ส่วนรัฐบาลจะเดินหน้าบริหารประเทศต่อไป ซึ่งที่ผ่านมากว่า 1 ปี สามารถสร้างภาพลักษณ์ในสายนานาชาติ และเชื่อว่าหากทุกคนร่วมมือกันจะสร้างความเชื่อมั่น และทำให้ประเทศกลับสู่ภาวะปกติ ส่วนการยุบสภาไม่ใช่การแก้ไขปัญหา ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญปล่อยให้เป็นกระบวนการรัฐสภา
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า หลังจากการยึดทรัพย์จำนวนดังกล่าวแล้ว ถือเป็นรายได้ที่จัดเก็บเกินเป้าหมายที่คาดไว้ ซึ่งรัฐบาลจะนำไปใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยไม่มีความจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนยกเลิกบางมาตรการ อาทิ น้ำประปาฟรี รถไฟและรถโดยสารฟรี เพื่อให้การกระตุ้นเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ระบบปกติ