นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเงินจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งยึดให้ตกเป็นของแผ่นดินว่า จะนำมาปรับโครงสร้างพื้นฐานแทนการกู้จากต่างประเทศ และอีกแนวทางจะนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ส่วนผลต่อเนื่องจากการยึดทรัพย์ ที่ประเทศได้รับความเสียหาย จะยึดแนวทางของกฎหมาย โดยจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร และให้ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลให้คำแนะนำ พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลไม่มีอำนาจสั่งให้อายัดทรัพย์ที่เหลือ ส่วนขั้นตอนต่อไปปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
สำหรับประเด็นเรื่องการแก้ไขสัญญาสัมปทานของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีเป้าหมายแก้ไขสัญญาสัมปทานจริง เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี และมีสิทธิในสัญญาเท่าเทียมกัน ซึ่งได้หารือกับกระทรวงการคลังในการเสนอแผนแล้ว โดยเร็วๆ นี้จะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที โดยคาดว่า จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เร็วๆ นี้
สำหรับประเด็นเรื่องการแก้ไขสัญญาสัมปทานของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีเป้าหมายแก้ไขสัญญาสัมปทานจริง เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี และมีสิทธิในสัญญาเท่าเทียมกัน ซึ่งได้หารือกับกระทรวงการคลังในการเสนอแผนแล้ว โดยเร็วๆ นี้จะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที โดยคาดว่า จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เร็วๆ นี้