น.พ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพยสภา กล่าวว่า วันนี้ (12 ก.พ.) เป็นวันแรกที่ข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมวิชาชีพเวชกรรม เรื่องการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดสเต็มเซลล์ เพื่อการรักษา พ.ศ. 2552 มีผลบังคับใช้ ส่งผลให้โรงพยาบาลทุกแห่งต้องหยุดใช้สเต็มเซลล์เพื่อการรักษาทุกโรค ยกเว้นโรคเลือด เนื่องจากสเต็มเซลล์ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัย อาจไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการ ซึ่งการโฆษณาว่าสามารถรักษาด้วยสเต็มเซลล์ในทุกโรค รวมถึงการรักษาผิวหนังเพื่อความอ่อนวัย ถือว่ามีความผิดทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม แพทยสภาเปิดโอกาสให้โรงพยาบาลทุกแห่ง ที่มีผลงานการวิจัยเรื่องการใช้สเต็มเซลล์ในด้านต่างๆ สามารถยื่นผลงานวิจัยให้แพทย์สภาพิจารณารับรองมาตรฐานได้ หากยืนยันว่ามีความปลดภัย แพทยสภาจะออกประกาศให้ใช้ได้ต่อไป โดยให้ยื่นเรื่องภายใน 120 วัน ตั้งแต่วันนี้ หากเกินกำหนดไม่ยื่นเรื่อง แต่นำมาใช้จะถือว่ามีความผิดด้านจริยธรรมแพทย์ มีโทษสูงสุดคือยึดใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
ด้านโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งมองว่า การที่แพทยสภาออกมาตั้งป้อมตรวจมาตรฐานการใช้สเต็มเซลล์ ถือเป็นการสกัดกั้นและอาจเป็นกระบวนการหาทางลักลอบนำผลงานวิจัยของเอกชนไปใช้หาประโยชน์ โดยที่ไม่ต้องลงทุน
อย่างไรก็ตาม แพทยสภาเปิดโอกาสให้โรงพยาบาลทุกแห่ง ที่มีผลงานการวิจัยเรื่องการใช้สเต็มเซลล์ในด้านต่างๆ สามารถยื่นผลงานวิจัยให้แพทย์สภาพิจารณารับรองมาตรฐานได้ หากยืนยันว่ามีความปลดภัย แพทยสภาจะออกประกาศให้ใช้ได้ต่อไป โดยให้ยื่นเรื่องภายใน 120 วัน ตั้งแต่วันนี้ หากเกินกำหนดไม่ยื่นเรื่อง แต่นำมาใช้จะถือว่ามีความผิดด้านจริยธรรมแพทย์ มีโทษสูงสุดคือยึดใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
ด้านโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งมองว่า การที่แพทยสภาออกมาตั้งป้อมตรวจมาตรฐานการใช้สเต็มเซลล์ ถือเป็นการสกัดกั้นและอาจเป็นกระบวนการหาทางลักลอบนำผลงานวิจัยของเอกชนไปใช้หาประโยชน์ โดยที่ไม่ต้องลงทุน