วันนี้ (27 ม.ค.) สโมสรรัฐสภา ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมออกกำลังกายสร้างเสริมสุขภาพ "Exercise For Health" เพื่อส่งเสริมให้ ส.ส. ส.ว. เจ้าหน้าที่รัฐสภา และสื่อมวลชน ร่วมกันออกกำลังกาย โดยมีนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ประธานสโมสรรัฐสภา นายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร นายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร และนายวรวุฒิ โรจนพานิช ประธานคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา เป็นประธานเปิดงาน
นายอนุศักดิ์ คงมาลัย ส.ว.สรรหา ในฐานะกรรมการสโมสรรัฐสภา เปิดเผยว่า กิจกรรมออกกำลังกายสร้างเสริมสุขภาพ เกิดจากความร่วมมือระหว่างสโมสรรัฐสภาและ สสส. เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกายที่จะทำให้บุคลากรในฝ่ายนิติบัญญัติมีสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากภาวะเสี่ยงของโรค และส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพ จึงได้จัดกิจกรรมออกกำลังกาย ประกอบด้วย การเต้นแอโรบิกและลีลาศเพื่อสุขภาพ ให้กับส.ส. ส.ว. เจ้าหน้าที่รัฐสภา และสื่อมวลชน ได้เข้าถึงการออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวจะมีประจำทุกวันจันทร์และวันพุธ ช่วงเวลาประมาณ 17.00-18.00 น. พร้อมมีครูฝึกมาช่วยแนะนำการออกกำลังกายที่ถูกวิธีเพื่อทำให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น
ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม กล่าวว่า จากการสำรวจพฤติกรรมทางสุขภาพของ ส.ส.และ ส.ว.สำหรับสร้างเสริมสุขภาพในองค์กรทางนิติบัญญัติ ระหว่างวันที่ 17 มิถุนายน – 19 ตุลาคม 2552 จำนวนทั้งสิ้น 209 ตัวอย่าง โดย สสส.ร่วมกับเอแบคโพลล์ พบว่า เนื่องจากร้อยละ 89 ของ ส.ส.และ ส.ว.มีพฤติกรรมการทำงานที่หนักหน่วง ส่งผลต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ โดยพบว่าส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 56 มีเวลาในการพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งชั่วโมงการนอนหลับเฉลี่ยอยู่ที่ 4 ชั่วโมง 48 นาที ขณะที่การออกำลังกายส่วนใหญ่ร้อยละ 53 ระบุว่าไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ มีเพียงร้อยละ 47 ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องนั่งทำงาน นั่งประชุม และเดินทาง ล้วนแต่เป็นพฤติกรรมที่เอื้อต่อการเคลื่อนไหวของร่างกาย ซึ่งใช้เวลาเฉลี่ยถึงคนละ 5 ชั่วโมง 26 นาทีต่อวัน สสส.จึงสนับสนุนกิจกรรมออกกำลังกายขึ้นในองค์กรนิติบัญญัติ ด้วยการสนับสนุนครูฝึกออกกำลังกาย และชุดความรู้ที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมให้บุคคลากรในองค์กรนิติบัญญัติมีสุขภาพที่ดี
ทางด้านนายแพทย์ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เนื่องจากร้อยละ 60 ของ ส.ส.และ ส.ว.อยู่ในสภาวะความเสี่ยงของโรคภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน หัวใจ และความดัน การออกกำลังกายจึงช่วยลดภาวะเสี่ยงของโรคได้ ซึ่งเคล็ดลับการออกกำลังกายอย่างได้ผลคือ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก หรือออกกำลังกายในความเร็วที่เข้าจังหวะสม่ำเสมอ ต่อเนื่องเกินกว่า 10 นาที จะสามารถลดไขมันส่วนเกินได้อย่างเห็นผล เพราะวงจรการออกกำลังกาย 2-5 นาทีแรก จะเป็นการเผาผลาญสารอยู่ในกล้ามเนื้อ และ 10 นาทีถัดไป จะเป็นการเผาผลาญพลังงานที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวัน และ 20 นาที ถัดไป จะเป็นการเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกาย
นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยลดภาวะความเครียด เพราะมีการหลั่งสารเอนโดรฟิน หรือสารแห่งความสุข ทำให้ร่างการรู้สึกผ่อนคลายจากสถานการณ์การเมืองที่กำลังตึงเครียดอยู่ในขณะนี้อีกด้วย
ขณะที่นายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าการออกกำลังกายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี และช่วยให้ห่างไกลจากภาวะโรคเสี่ยง ซึ่งองค์กรนิติบัญญัติที่ถือเป็นสถานที่ปฏิบัติงานของตัวแทนประชาชน การที่ผู้แทนตระหนักถึงการออกกำลังกายจะเป็นต้นแบบส่งผลไปยังสังคมให้หันมาตื่นตัวออกกำลังกาย และเกิดการใส่ใจต่อสุขภาพตัวเองมากยิ่งขึ้น
นายอนุศักดิ์ คงมาลัย ส.ว.สรรหา ในฐานะกรรมการสโมสรรัฐสภา เปิดเผยว่า กิจกรรมออกกำลังกายสร้างเสริมสุขภาพ เกิดจากความร่วมมือระหว่างสโมสรรัฐสภาและ สสส. เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกายที่จะทำให้บุคลากรในฝ่ายนิติบัญญัติมีสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากภาวะเสี่ยงของโรค และส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพ จึงได้จัดกิจกรรมออกกำลังกาย ประกอบด้วย การเต้นแอโรบิกและลีลาศเพื่อสุขภาพ ให้กับส.ส. ส.ว. เจ้าหน้าที่รัฐสภา และสื่อมวลชน ได้เข้าถึงการออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวจะมีประจำทุกวันจันทร์และวันพุธ ช่วงเวลาประมาณ 17.00-18.00 น. พร้อมมีครูฝึกมาช่วยแนะนำการออกกำลังกายที่ถูกวิธีเพื่อทำให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น
ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม กล่าวว่า จากการสำรวจพฤติกรรมทางสุขภาพของ ส.ส.และ ส.ว.สำหรับสร้างเสริมสุขภาพในองค์กรทางนิติบัญญัติ ระหว่างวันที่ 17 มิถุนายน – 19 ตุลาคม 2552 จำนวนทั้งสิ้น 209 ตัวอย่าง โดย สสส.ร่วมกับเอแบคโพลล์ พบว่า เนื่องจากร้อยละ 89 ของ ส.ส.และ ส.ว.มีพฤติกรรมการทำงานที่หนักหน่วง ส่งผลต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ โดยพบว่าส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 56 มีเวลาในการพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งชั่วโมงการนอนหลับเฉลี่ยอยู่ที่ 4 ชั่วโมง 48 นาที ขณะที่การออกำลังกายส่วนใหญ่ร้อยละ 53 ระบุว่าไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ มีเพียงร้อยละ 47 ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องนั่งทำงาน นั่งประชุม และเดินทาง ล้วนแต่เป็นพฤติกรรมที่เอื้อต่อการเคลื่อนไหวของร่างกาย ซึ่งใช้เวลาเฉลี่ยถึงคนละ 5 ชั่วโมง 26 นาทีต่อวัน สสส.จึงสนับสนุนกิจกรรมออกกำลังกายขึ้นในองค์กรนิติบัญญัติ ด้วยการสนับสนุนครูฝึกออกกำลังกาย และชุดความรู้ที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมให้บุคคลากรในองค์กรนิติบัญญัติมีสุขภาพที่ดี
ทางด้านนายแพทย์ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เนื่องจากร้อยละ 60 ของ ส.ส.และ ส.ว.อยู่ในสภาวะความเสี่ยงของโรคภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน หัวใจ และความดัน การออกกำลังกายจึงช่วยลดภาวะเสี่ยงของโรคได้ ซึ่งเคล็ดลับการออกกำลังกายอย่างได้ผลคือ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก หรือออกกำลังกายในความเร็วที่เข้าจังหวะสม่ำเสมอ ต่อเนื่องเกินกว่า 10 นาที จะสามารถลดไขมันส่วนเกินได้อย่างเห็นผล เพราะวงจรการออกกำลังกาย 2-5 นาทีแรก จะเป็นการเผาผลาญสารอยู่ในกล้ามเนื้อ และ 10 นาทีถัดไป จะเป็นการเผาผลาญพลังงานที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวัน และ 20 นาที ถัดไป จะเป็นการเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกาย
นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยลดภาวะความเครียด เพราะมีการหลั่งสารเอนโดรฟิน หรือสารแห่งความสุข ทำให้ร่างการรู้สึกผ่อนคลายจากสถานการณ์การเมืองที่กำลังตึงเครียดอยู่ในขณะนี้อีกด้วย
ขณะที่นายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าการออกกำลังกายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี และช่วยให้ห่างไกลจากภาวะโรคเสี่ยง ซึ่งองค์กรนิติบัญญัติที่ถือเป็นสถานที่ปฏิบัติงานของตัวแทนประชาชน การที่ผู้แทนตระหนักถึงการออกกำลังกายจะเป็นต้นแบบส่งผลไปยังสังคมให้หันมาตื่นตัวออกกำลังกาย และเกิดการใส่ใจต่อสุขภาพตัวเองมากยิ่งขึ้น
