นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล พร้อมทีมทนายความพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แถลงข่าวกรณีที่ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. สัมภาษณ์ถึงสำนวนคดียึดยึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทว่า มีหลักฐานชัดเจนสามารถยึดทรัพย์ทั้งหมดเป็นของแผ่นดินได้ ซึ่งเห็นว่าคดียังอยู่ในชั้นศาล การออกมาแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องที่ไม่สมควร
ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตจากระเบียบคณะกรรมการตรวจสอบว่าด้วยสินบนในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน คตส. พ.ศ. 2549 เป็นการออกระเบียบเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้แก่ คตส. เนื่องจากในระเบียบระบุว่า หากศาลชี้มูลความผิดให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน ผู้ชี้เบาะแสจะได้รับผลประโยชน์ร้อยละ 25 จากมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งประกาศคณะปฏิรูปการปกครอง ฯ ฉบับที่ 30 ที่แต่งตั้ง คตส.ไม่ได้ให้อำนาจในการออกระเบียบดังกล่าว แต่ คตส.อ้างว่า เป็นการออกตาม พ.ร.บ .คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ขณะที่ ป.ป.ช.ไม่เคยออกระเบียบในลักษณะนี้ ซึ่งเป็นการขัดต่อกฎหมาย เพราะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง
พร้อมกันนี้เชื่อว่า การกระทำของ คตส.ทั้งคณะ จงใจเป็นปฏิปักษ์ทั้งทางการเมืองและแนวคิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนอดีต คตส.จะประชุมเพื่อทำคำแถลงประกอบคำแถลงปิดสำนวนคดีของอัยการในวันนี้(21 ม.ค.) เห็นว่าเป็นการไม่สมควร เพราะ คตส.พ้นหน้าที่ไปแล้ว นอกจากนี้ ยังขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาคดีด้วยความเป็นธรรม โดยไม่อิงกระแสของสังคม
ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตจากระเบียบคณะกรรมการตรวจสอบว่าด้วยสินบนในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน คตส. พ.ศ. 2549 เป็นการออกระเบียบเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้แก่ คตส. เนื่องจากในระเบียบระบุว่า หากศาลชี้มูลความผิดให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน ผู้ชี้เบาะแสจะได้รับผลประโยชน์ร้อยละ 25 จากมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งประกาศคณะปฏิรูปการปกครอง ฯ ฉบับที่ 30 ที่แต่งตั้ง คตส.ไม่ได้ให้อำนาจในการออกระเบียบดังกล่าว แต่ คตส.อ้างว่า เป็นการออกตาม พ.ร.บ .คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ขณะที่ ป.ป.ช.ไม่เคยออกระเบียบในลักษณะนี้ ซึ่งเป็นการขัดต่อกฎหมาย เพราะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง
พร้อมกันนี้เชื่อว่า การกระทำของ คตส.ทั้งคณะ จงใจเป็นปฏิปักษ์ทั้งทางการเมืองและแนวคิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนอดีต คตส.จะประชุมเพื่อทำคำแถลงประกอบคำแถลงปิดสำนวนคดีของอัยการในวันนี้(21 ม.ค.) เห็นว่าเป็นการไม่สมควร เพราะ คตส.พ้นหน้าที่ไปแล้ว นอกจากนี้ ยังขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาคดีด้วยความเป็นธรรม โดยไม่อิงกระแสของสังคม