จับตา... ธานี สมบูรณ์ทรัพย์

จับตา... ธานี สมบูรณ์ทรัพย์

ผงาดหลัง “พัชรวาท”พัง

ภายในเดือนนี้มีหลายคดีที่อยู่ในการไต่สวนของ คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. กำลังจะถึงจุดสุดท้าย ที่น่าจะส่งผลสะเทือนเลือนลั่นให้กับฝ่ายการเมืองไม่น้อย โดยเฉพาะ “รัฐบาล”

ไม่ว่าจะเป็น “คดี 7 ตุลา” ซึ่งแกนนำรัฐบาลอย่างประชาธิปัตย์ ลุ้นตัวโก่ง เพราะหาก ปปช.ชี้มูลว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. มีความผิดวินัยร้ายแรงกรณีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯหน้ารัฐสภา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากแล้วละก็

ขอย้ำว่า ทางเดินคดี “สนธิ” ก็จะฉลุย

เพราะแม้ขณะนี้จะเห็นภาพชัดว่าคนเป็นใหญ่ในแวดวงสีกากีเป็นเสี้ยนหนามสำคัญทำให้คดีสะดุด แต่ก็ไม่มีหลักฐานหรือเหตุผลเพียงพอที่จะโยกออกจากตำแหน่ง ประกอบกับการมีแบ๊กสายเลือดเดียวกัน ก็เป็นภูมิคุ้มกันชั้นดี

ต้องยอมรับความจริงว่า ฐานรากของ “พัชรวาท” แน่นปึ้ก เพราะขนาดหลุดจากตำแหน่งไปแล้วครั้งหนึ่ง ยังเหาะกลับมารับตำแหน่งใหม่ได้ ในยุคที่ “ ปู่จิ้น ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” รักษาการนายกรัฐมนตรี

ดังนั้นการใช้อำนาจทางการเมืองเข้าไปจัดการ จึงเป็นเรื่องที่ทำได้เพียงแค่เงื้อง่าราคาแพงเท่านั้น ความหวังทั้งหมดจึงอยู่ที่ “ปปช.” ซึ่งต้องชี้ให้ชัดถึงความผิด เมื่อนั้นแม้จะสักยันต์กันเหนียว มีคมเขี้ยวสีน้ำเงินคุ้มกันอย่างไร ก็คงจะเอาไม่อยู่

สิ่งที่ต้องจับตาต่อจากนั้นคือ ถ้าผู้นำรัฐบาลอย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คิดทำให้บ้านเมืองอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของระบบนิติรัฐ โดยสะท้อนจากการเอาจริงเอาจังในคดี “ลอบสังหารสนธิ ลิ้มทองกุล” แล้วละก็

คนที่ควรได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร. คนต่อไปต้องรอการแต่งตั้งประจำปี แต่ถ้าจะให้ลือลั่นกันสักที ก็กล้าตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ที่คุมคดี “สนธิ”รักษาการผบ.ตร. จะได้เดินหน้าสะสางคดีโดยไม่กลัวหน้าอินทร์ หน้าพรหม ทั้งสิ้น แม้จะเหลืออายุราชการเพียงแค่ 2 เดือน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้มีอำนาจเต็มในการปิดคดีสะเทือนบ้านสะท้านเมืองได้

อีกคดีหนึ่งที่ ปปช.กำลังเร่งปิดสำนวนชี้มูลความผิด คือ การกระทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ของครม.ในยุคสมัคร สุนทรเวช เกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งมีรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลชุดปัจจุบันติดร่างแหไปด้วย

ว่ากันว่า คดีนี้มีโอกาส “หัวขาด”กันเป็นแถว ไม่เว้นแม้แต่รัฐมนตรีหัวหมอที่พยายามแก้ต่างว่าตัวเองไม่ได้เข้าร่วมประชุมก็มิอาจพ้นผิด

เพราะตามหลักสากลแล้วถึอว่า ครม.ทั้งคณะต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน ส่วนหวยจะออกมาอย่างไร รอลุ้นไม่ปลายเดือนนี้ก็ต้นเดือนหน้า?

ส่วนคดีเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยมีคนสนใจแต่อาจทำให้ สุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีสิทธิ์ถึงขั้นตกเก้าอี้ จากการโยกข้าราชการล็อตใหญ่ในช่วงเดือนพฤษภาคมพ.ศ.2548 โดยเฉพาะระดับหัวหน้าอุทยานทางทะเลที่ถูกเปลี่ยนเกือบหมด แม้ เกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะออกมายืนยันว่า งานนี้ไม่มีการเมืองแทรกแซงก็คงไร้ผล

เพราะข้าราชการที่เขาได้รับความเสียหายตั้งเรื่องชงให้ ปปช.พิจารณาความผิด “สุวิทย์” เรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญมีหลักฐานทั้งเทปบันทึกเสียงและบันทึกรายงานการประชุม ตอกย้ำว่า “สุวิทย์” ออกคำสั่งให้มีการย้ายหัวหน้าอุทยานทางทะเลกลางที่ประชุม ก่อนที่จะบินลัดฟ้าไปต่างประเทศและทำในขณะที่เป็นแค่รักษาการเจ้ากระทรวง

แถมพอ ปปช.เรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ก็ท่องคาถาเดียวว่าติดภารกิจต้องเดินทางไปต่างประเทศ เรียกมาให้ชี้แจงก็ไม่ยอมมา

แต่อย่านึกว่าจะพ้น!! เพราะกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ใครทำอะไรไว้ ผลกรรมกำลังจะตามมาในชาตินี้ !