นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการหายตัวไปของ นายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ว่า ได้สั่งการให้ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ นำสำนวนคดีหน่วงเหนี่ยวกักขังนายสมชาย ซึ่งศาลพิพากษาลงโทษ พ.ต.ท.เงิน ทองสุก แต่ยกฟ้อง พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์ จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง ส.ต.อ.นิรันดร สิทธิเขต และ พ.ต.ท.ชัชชัย เลี่ยมสงวน มาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขจุดบกพร่อง ในคดีดังกล่าว โดยเฉพาะคำให้การของพยานบุคคล เพื่อแก้ไขคดีให้มีน้ำหนักนำไปสู่การพิจารณาสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องสงสัยทั้ง 5 คน ให้กับอัยการ
ด้าน พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้ตรวจทานพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายสมชาย หากมีความจำเป็นอาจต้องเรียกพยานบุคคลบางปากเข้าให้การอีกครั้ง จากนั้นจะส่งสำนวนพร้อมหลักฐานในคดีให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณาว่า จะสั่งฟ้องผู้ต้องสงสัยได้ครบทั้ง 5 คนหรือไม่
ขณะที่ นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาทนายสมชาย กล่าวว่า ในวันที่ 18 มกราคมนี้ ตนจะเข้าพบนายธาริต เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีการหายตัวไปของนายสมชาย เนื่องจากทราบว่าดีเอสไอจะส่งฟ้องเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดี แต่ตนไม่เห็นด้วยเพราะยังไม่เห็นความจำเป็นต้องเร่งรีบ คดียังเหลืออายุความอีก 14 ปี เกรงว่าการเร่งสอบสวนเพื่อสรุปสำนวนส่งฟ้องจะทำให้ผู้ต้องหาหลุดพ้นจากความผิดได้ ดังนั้น ตนจะเข้าพบอธิบดีดีเอสไอเพื่อขอให้พนักงานสอบสวนใช้ความรอบคอบ โดยในคดีอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลลูไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย แม้ว่าจะต้องรอคอยนานกว่า 19 ปี แต่สามารถฟ้องผู้ต้องหาซึ่งเป็นนายตำรวจระดับสูงได้ทั้งกลุ่ม
นอกจากนี้ ตนจะติดตามความคืบหน้าการหายตัวไปของนายอับดุลเลาะห์ อาบูคารี พยานปากสำคัญในคดีซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดีปล้นปืนจากค่ายปิเหล็ง พ.ศ.2547 ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา
ด้าน พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้ตรวจทานพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายสมชาย หากมีความจำเป็นอาจต้องเรียกพยานบุคคลบางปากเข้าให้การอีกครั้ง จากนั้นจะส่งสำนวนพร้อมหลักฐานในคดีให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณาว่า จะสั่งฟ้องผู้ต้องสงสัยได้ครบทั้ง 5 คนหรือไม่
ขณะที่ นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาทนายสมชาย กล่าวว่า ในวันที่ 18 มกราคมนี้ ตนจะเข้าพบนายธาริต เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีการหายตัวไปของนายสมชาย เนื่องจากทราบว่าดีเอสไอจะส่งฟ้องเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดี แต่ตนไม่เห็นด้วยเพราะยังไม่เห็นความจำเป็นต้องเร่งรีบ คดียังเหลืออายุความอีก 14 ปี เกรงว่าการเร่งสอบสวนเพื่อสรุปสำนวนส่งฟ้องจะทำให้ผู้ต้องหาหลุดพ้นจากความผิดได้ ดังนั้น ตนจะเข้าพบอธิบดีดีเอสไอเพื่อขอให้พนักงานสอบสวนใช้ความรอบคอบ โดยในคดีอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลลูไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย แม้ว่าจะต้องรอคอยนานกว่า 19 ปี แต่สามารถฟ้องผู้ต้องหาซึ่งเป็นนายตำรวจระดับสูงได้ทั้งกลุ่ม
นอกจากนี้ ตนจะติดตามความคืบหน้าการหายตัวไปของนายอับดุลเลาะห์ อาบูคารี พยานปากสำคัญในคดีซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดีปล้นปืนจากค่ายปิเหล็ง พ.ศ.2547 ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา