พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ระบุถึงกรอบการพัฒนากองทัพเรือในปี 2553 ว่า มีแนวทางการต่อเรือตรวจการณ์เพิ่มเติม โดยกรมอู่ทหารเรือและเอกชนในประเทศ รวมทั้งจะซ่อมปรับปรุงอาวุธยุทโธปกรณ์เก่า ซึ่งต้องพยายามปรับกำลังรบที่มีอยู่ให้พร้อมใช้งานในยามปกติและเมื่อเกิดวิกฤต
ผู้บัญชาการทหารเรือ ยังยอมรับว่า กองทัพเรือมีแนวคิดจัดซื้อเรือดำน้ำ เพราะมีความจำเป็นทางยุทธศาสตร์ โดยตั้งคณะกรรมการศึกษาและติดตามเทคโนโลยี รวมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดหาเรือดำน้ำที่ผ่านการใช้งานแล้ว ซึ่งคาดว่าไม่เกินลำละ 10,000 ล้านบาท และอย่างน้อยต้องมี 3-4 ลำ แต่ขณะนี้ ยังไม่ถึงขั้นตอนการเจรจากับประเทศใด และต้องรอความพร้อมด้านงบประมาณ
ทั้งนี้ การเตรียมความพร้อมของกองทัพเรือ ไม่ใช่การสะสมกำลังรบ แต่เพื่อให้เกิดสมดุลในภูมิภาค และเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะทำให้การเจรจาต่างๆ มีผลดีขึ้น และช่วยดูแลผลประโยชน์ทางทะเล ส่วนความร่วมมือทางทหารกับประเทศเพื่อนบ้าน เน้นการรักษาความสัมพันธ์ การฝึกร่วม และการสร้างความไว้วางใจ
ผู้บัญชาการทหารเรือ ยังยอมรับว่า กองทัพเรือมีแนวคิดจัดซื้อเรือดำน้ำ เพราะมีความจำเป็นทางยุทธศาสตร์ โดยตั้งคณะกรรมการศึกษาและติดตามเทคโนโลยี รวมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดหาเรือดำน้ำที่ผ่านการใช้งานแล้ว ซึ่งคาดว่าไม่เกินลำละ 10,000 ล้านบาท และอย่างน้อยต้องมี 3-4 ลำ แต่ขณะนี้ ยังไม่ถึงขั้นตอนการเจรจากับประเทศใด และต้องรอความพร้อมด้านงบประมาณ
ทั้งนี้ การเตรียมความพร้อมของกองทัพเรือ ไม่ใช่การสะสมกำลังรบ แต่เพื่อให้เกิดสมดุลในภูมิภาค และเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะทำให้การเจรจาต่างๆ มีผลดีขึ้น และช่วยดูแลผลประโยชน์ทางทะเล ส่วนความร่วมมือทางทหารกับประเทศเพื่อนบ้าน เน้นการรักษาความสัมพันธ์ การฝึกร่วม และการสร้างความไว้วางใจ