xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณร้ายกาจ มันเป็นผลของระบอบเผด็จการที่ร้ายกาจยิ่งกว่า

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

จากคำพูดที่ให้คำสัมภาษณ์ของ ทักษิณ บิ๊กจิ๋วและ ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคน รวมทั้งแกนนำกลุ่มเสื้อแดง เป็นคำพูดที่ล้วนแล้วเหยียบย่ำประเทศไทย ต่อต้านและวิจารณ์พระมหากษัตริย์ เหยียบย่ำรัฐบาลไทย แต่กลับไปยกย่องนายฮุนเซน ผู้นำรัฐบาลเขมร พวกเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับผู้นำรัฐบาลเขมร พวกเขากลายเป็นบ่าวรับใช้ฮุนเซนไปแล้วหรือไร

มันเหลือเชื่อที่พวกเขาแยกแยะไม่ถูกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวม เคยย้ำอยู่เสมอว่าทักษิณนั้นเขามาจากนรก หมายความว่าพฤติกรรมของเขามันตอกย้ำ ความโลภในใจของเขาจากนาทีเป็นชั่วโมง เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี อย่างน้อยก็ร่วม 30 ปี เป็นจิตใจที่ถูกย้อมด้วยความโลภซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทักษิณจึงเห็นประโยชน์ตนมากกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ

ทักษิณ มันคนโลภ คนพาล เขาได้เอาเปรียบประเทศชาติ ทั้งคอร์รัปชัน ทั้งนโยบายทับซ้อน ยังมีคดีติดตัวโกงชาติมากมาย เขาดูดเงินของพี่น้องประชาชนไปเป็นของเขาได้ ดังที่ว่า “ภูเขาสลาย กลายมาเป็นตึก เงินของประชาชนในชาติสลาย กลายเป็นของทักษิณ” ทักษิณทำชั่วไว้กับประเทศชาติมากมาย การที่เขาซื้อพรรคการเมือง ซื้อ ส.ส. ให้เงินผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทำให้พวก ส.ส.เหล่านั้นมันกลายเป็นทาสทางการเมือง พวก ส.ส.ทาส ผู้ภักดีเหล่านี้ ก็ล้วนแล้วแต่แยกแยะไม่ถูกว่าระหว่างเรื่องส่วนตัวและเรื่องส่วนรวม เห็นแก่ประโยชน์ตนมากกว่าประโยชน์ประเทศชาติ ส.ส.เหล่านี้ มันแค่พนักงานบริษัทของทักษิณเท่านั้นเอง และเอาเงินไปแจกชาวบ้าน ทั้งนี้ก็เพื่อซื้อเสียงทั้งทางตรงและทางอ้อมนั่นเอง

ปรากฏการณ์ของ นช.ทักษิณ และสมุนรับใช้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มันเป็นพวกกลุ่มคนขายชาติ เห็นเขมรดีกว่าไทย ทั้งนี้ก็เพราะทักษิณมีประโยชน์ทับซ้อนร่วมกับฮุนเซน ยก เขาพระวิหาร ให้ฮุนเซน ทักษิณก็ได้ประโยชน์การค้า การลงทุน เช่าเกาะกูดที่เป็นของแผ่นดินไทยมาแสนนาน แต่กลายเป็นเขตพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย เขมร สมัยทักษิณเป็นนายกฯ

ด้านการเมือง เคยบอกก่อนหน้านี้แล้วว่า ทักษิณจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด ได้ทรัพย์คืน และกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี เราก็รู้ว่าแผนการขอกำลังจากเขมรในทุกรูปแบบ เพื่อบ่อนทำลายรัฐบาลปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการลุกขึ้นสู้ กลัวคนจะไม่มาก ก็จ้างคนเขมรเข้ามาร่วมประท้วงคอยจับตาดูให้ดี พอเกิดความปั่นป่วน ก่อให้เกิดการจลาจล จากนั้นทักษิณก็ให้นายทหารของตนทำรัฐประหารยึดอำนาจ และได้รับความร่วมมือทางทหารจากรัฐบาลฮุน เซน

บิ๊กจิ๋ว เราเตือนแล้ว หากว่า บิ๊กจิ๋ว มีความตั้งใจจริงที่แก้ไขปัญหาการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ก็จะต้องแยกออกมาจากทักษิณ ไม่ใช่ไปเป็นเบ๊ บ่าวคนรับใช้ทักษิณ มันเสียหายเกินกว่าที่จะบรรยายแล้ว ถอนตัวออกมาอยู่เฉยๆ ก็ไม่มีใครว่าหรอก อุดมคติของบิ๊กจิ๋ว นั่นดี แต่เราเชื่อว่าถ้ายังอยู่กับทักษิณ ก็เป็นเพียงนั่งร้านให้ทักษิณเท่านั้น

ทำไม บิ๊กจิ๋วอ่านเกมไม่ออก จิ๋วกำลังหลงทางอยู่ในท่ามกลางคนเห็นผิด อันที่จริง บิ๊กจิ๋ว ก็รู้อยู่เต็มหัวใจว่าทักษิณ โกงชาติ ทักษิณมีแนวทางการเมืองเป็นเผด็จการระบบรัฐสภา ที่ยึดมั่นในรัฐธรรมนูญ ปี 40

ก่อนหน้านี้ บิ๊กจิ๋ว ออกมาเปิดโปง ขบวนการล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้า แต่วันนี้ บิ๊กจิ๋ว กลับเข้าไปอยู่ในขบวนการนั้น หากมองในแง่ดี

(1)บิ๊กจิ๋ว คงคิดว่าไปร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ เพราะพรรคนี้เข้าใจระบอบเผด็จการระบบรัฐสภาว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย เห็นรัฐธรรมนูญเป็นระบอบประชาธิปไตย นี่ก็เป็นพรรคใหญ่ที่เห็นผิด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เองก็รู้อยู่เต็มอกว่ามีประเทศไทยประเทศเดียวที่หลงเข้าใจผิดว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย แต่ท่านก็ยังไม่คิดแก้ไข ยังกอดระบอบเผด็จการระบบรัฐสภา โดยรัฐธรรมนูญ ปี 50

(2)บิ๊กจิ๋วจึงคิดว่าน่าเข้าไปยึดกุมพรรคเพื่อไทย เพราะยังมีพรรคพวกอยู่หลายคน แล้วเข้าไปเปลี่ยนแนวทางการเมืองของพรรคนี้ แต่ดูแล้วภาพมันฟ้อง บิ๊กจิ๋ว นำการเมืองไม่ได้ ภาพออกมามันกลายเป็นเบ๊ให้ทักษิณ คนขายชาติ ถือว่าเสียเกียรติภูมินายทหารผู้จงรักภักดีอย่างยิ่ง บิ๊กจิ๋ว ถอนตัวดีกว่า ออกมาร่วมผลักดันสร้างประชาธิปไตยแท้ โดยหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ที่ผู้เขียนเสนอจะดีกว่ามากมายมหาศาล สร้างความถูกต้องให้ชาติบ้านเมืองอย่างยั่งยืน อย่างไม่หลงผิด ขอให้ท่านนำไปคิดให้รอบคอบ ก่อนที่จะถูกด่า ถูกตราหน้าว่าคนขายชาติมากไปกว่านี้

บิ๊กจิ๋วกำลังทำอะไร หากว่าท่านเป็นขงเบ้งแห่งกองทัพไทยจริง ท่านต้องแยกออกมา ท่านต้องแถลงข่าวออกมาแสดงให้ชัด อธิบายบ่อยๆ อธิบายให้ชัด ท่านยอมตายเพื่อยึดมั่นในอุดมการณ์สร้างประชาธิปไตยตามแนวทางนโยบาย 66/23 หรือท่านจะตายภายใต้คำสาปแช่งว่าเป็นคนขายชาติ เช่นเดียวกับทักษิณและพวกพ้อง

ในสภาวการณ์การเมืองที่แท้จริงของชาติ คือความจริงที่มันดำรงอยู่จริงๆ เป็นอยู่จริง มันเป็นระบอบการเมืองแบบเผด็จการชนิดหนึ่ง ที่สร้างและออกแบบโดยขบวนการรัฐธรรมนูญ(Constitutionalism) นับแต่รัฐประหารยึดอำนาจ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัฐกาลที่ 7 เป็นต้นมา คณะราษฎรได้เอากฎหมายรัฐธรรมนูญ รูปแบบการปกครอง (Form of Government) แบบระบบรัฐสภา (Parliamentary System) มี ส.ส. ส.ว. มีฝ่ายรัฐบาล มีฝ่ายค้าน มีทั้งแต่งตั้งและเลือกตั้ง การปกครองเผด็จการซ่อนเงื่อนนี้ ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลพลเรือนกับกองทัพ จึงให้เกิดรัฐประหาร ยึดอำนาจแล้วร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นเช่นนี้ซ้ำรอยเดิมมากถึง 18 ฉบับ โดยมีรัฐธรรมนูญเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้ง มันเป็นความเห็นผิดเรื่องสร้างระบอบยาวนานกว่า 77 ปีถึงปัจจุบันของผู้ปกครองไทย

ระบอบเผด็จการโดยลัทธิรัฐธรรมนูญ (พวกเขาต่างก็หลงผิดเข้าใจว่าร่างรัฐธรรมนูญ จะได้ประชาธิปไตย) แต่แล้วก็ล้มเหลวทุกครั้งไป

หากว่า ย้อนเวลาไป ช่วงที่ คมช.ทำรัฐประหาร เราก็บอกให้สถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม คือธรรมาธิปไตย 9 บอกย้ำให้รัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ รัฐบาลนี้ไม่เข้าใจ หลงผิดเช่นเดิม ทั้งๆ ที่รู้ว่า ทักษิณ มันเป็นรัฐบาลที่มาจากระบอบเผด็จการระบบรัฐสภา ล้มรัฐบาลทักษิณ ฉีกรัฐธรรมนูญปี 40 ไปแล้ว ก็ดันโง่มาสร้างรัฐธรรมนูญเช่นเดิม ไม่สร้างระบอบหรือหลักการปกครองโดยธรรม หากว่าสร้างหลักการปกครองธรรมาธิปไตยก่อนยกร่างรัฐธรรมนูญ การเมืองไทยก็จะถูกต้องอย่างยิ่งใหญ่ทันที ทักษิณ ก็ไม่มีวันโงหัวได้มาถึงทุกวันนี้ เพราะอะไร เพราะเขาอธิบายอย่างบิดเบือนว่า ทักษิณเป็นรัฐบาลมาจากระบอบประชาธิปไตย คมช.ทำรัฐประหารล้มรัฐบาลประชาธิปไตย (ที่จริงเป็นเผด็จการ)

ตอนนี้ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลได้โดยวิธีการประชาธิปไตย แต่เป็นรัฐบาลภายใต้ระบอบเผด็จการระบบรัฐสภา ก็ขอให้ศึกษากันให้ดีๆ เราได้แนะนำนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ต่ำกว่า 200 บทความ ก็รู้ว่าท่านได้อ่านบ้างแล้ว ขอบอกย้ำว่าหากท่านไม่ผลักดัน ไม่มีนโยบายยสถาปนาหลักหลักการปกครองโดยธรรม ท่านจะถูกรัฐประหาร ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง กฎเกณฑ์ของระบอบเผด็จการมันเป็นอย่างนั้น

สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เราขอบอกว่า สนธิ เป็นผู้นำโดยธรรมชาติของประเทศที่มีศักยภาพสูงสุด เด่นกว่าใครๆ ทั้งหมดในสถานการณ์นี้

การเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ท่านก็บอกว่า พรรคการเมืองใหม่ เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการทำงานการเมืองสำคัญของชาติ

ครั้งหนึ่ง พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้ปฏิบัติการตามนโยบาย 66/23 สามารถเอาชนะยุติสงครามกลางเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์ลงได้ในปี 2525 พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ก็มีฐานะเป็นผู้นำตามธรรมชาติสูงขึ้นๆ เหมาะที่จะเป็นผู้นำสร้างประชาธิปไตย ในสถานการณ์ขณะนั้น แต่ท่านเดินผิดทาง เพราะความอยากใหญ่ ท่านจึงไปตั้งพรรคความหวังใหม่ ผู้รู้เตือนหลายรอบว่า บิ๊กจิ๋ว จะล้มเหลว และทำลายตัวเอง และทำลายความหวังของชาติ แล้วก็เป็นจริง

คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ตอนนี้ก็น่าจะเริ่มรู้ว่า การเป็นผู้นำโดยธรรมชาตินั้นมันสูงส่งกว่า การเป็นหัวหน้าพรรค หรือเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบเผด็จการ แก้ปัญหาเหตุวิกฤตชาติไม่ได้เลย อดีตหัวหน้าพรรค อดีตนายกรัฐมนตรีกี่คนมาแล้วที่แก้ไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าอะไร คือเหตุวิกฤตชาติ หาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รู้ว่าอะไรคือเหตุวิกฤตชาติที่แท้จริง ท่านก็คงริเริ่มแก้ไข นับแต่วันแรกที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ก็คงหมดหนทางป่วนประเทศไปนานแล้ว

คุณสนธิ ลิ้มทองกุล คนเดียวยังเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ สนธิ พูดว่า “การเมืองใหม่แท้จริงคือการเมืองธรรมาธิปไตย” เขาย่อมสามารถเป็นผู้นำผลักดัน การสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตยโดยพระเจ้าแผ่นดิน เพื่อยกเลิกระบอบเผด็จการทุกรูปแบบ คือการเชิดชู รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างถูกต้องแท้จริง แนวทางของรัฐบุรุษวางอยู่ตรงหน้าแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น