เอเยนซี-จีนประสบความสำเร็จในการทดสอบเครื่องสกัดขีปนาวุธชนิดพื้นสู่อากาศ ที่ออกแบบมาเพื่อสกัดขีปนาวุธกลางอากาศ แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าของขีดความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศและเทคโนโลยีสกัดขีปนาวุธของจีน
สื่อจีนรายงานแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศ ในวันที่ 12 ม.ค. ระบุว่า การยิงทดสอบเครื่องสกัดขีปนาวุธชนิดพื้นสู่อากาศ ในเช้าวันจันทร์ (11.ม.ค.) มีเป้าหมายเพื่อป้องกันจีน ไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่ประเทศไหนโดยเฉพาะและไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด มีแต่แฟ้มภาพของระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ๆ ของจีน
สื่อยังกล่าวอ้างคำพูดของหยาง เจิงจุน นักวิเคราะห์อาวุโสด้านการทหาร กล่าวว่า จีนจำเป็นต้องปรับปรุงขีดความสามารถด้านกลาโหม เนื่องจากเผชิญกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่สื่อต่างชาติรายงานอ้างคำพูดของ จิน กันหรง นักวิชาการของศูนย์ศึกษานานาชาติมหาวิทยาลัยเหรินหมิน ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับการสกัดขีปนาวุธนั้นนับเป็นอีกก้าวหนึ่งของความทันสมัยด้านการทหารของกองทัพจีน
อาร์เธอร์ ถิง ผู้เชี่ยวชาญฯ จาก มหาวิทยาลัยเฉิงชี ไต้หวัน กล่าวว่านี่เปรียบเสมือนการส่งสัญญาณทางการเมืองให้กับสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ถึงแสนยานุภาพในการป้องกันภัยทางอากาศของจีน แต่เขากล่าวว่า ยังประเมินขีดความสำเร็จครั้งนี้ไม่ได้ เพราะไม่มีรายละเอียดข้อมูล แต่อย่างน้อยที่สุดคือ การแสดงให้เห็นแนวโน้มของการป้องกันภัยทางอากาศ และความทันสมัยของกองทัพ
ในช่วงหลายปีมานี้ จีนได้ลงทุนในการปรับปรุงอาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหารให้ทันสมัย สำหรับกองทัพซึ่งมีกำลังทหารประจำการอยู่ 2.3 ล้านคน
การทดสอบเครื่องสกัดขีปนาวุธ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาในพื้นที่ธรรมชาติของประเทศ โดยไม่ได้เล็งไปยังประเทศใดครั้งนี้ มีขึ้น เพียง 6 วัน หลังจากที่สหรัฐฯ ตกลงจะขายระบบต่อต้านขีปนาวุธแพริออตPAC-3 มูลค่า 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้ไต้หวัน ท่ามกลางการคัดค้านของจีนเนื่องจากจีนมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ โดยขีปนาวุธรุ่นนี้สามารถทำลายขีปนาวุธนับพันลูก ที่ไต้หวันระบุว่าจีนติดตั้งไว้ตลอดชายฝั่งหันหน้าไปทางไต้หวัน โดยนางเจียง หยู โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ (9 ม.ค.) ว่า การที่สหรัฐขายอาวุธให้ไต้หวันเป็นการฝ่าฝืนผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของจีน รวมทั้งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างช่องแคบไต้หวัน อีกทั้งเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีน
โดยสื่อจีนลงบทความแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า มีความสะเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนทุกครั้งที่สหรัฐฯ จำหน่ายอาวุธให้ไต้หวัน และครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน