นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวถึงผลสำรวจของนักวิเคราะห์ถึงดัชนีหุ้นในปี 2553 ว่า จากการสำรวจพบว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มฟื้นตัวขึ้น จากการเดินหน้าโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาล ที่จะกระตุ้นการบริโภค และการลงทุนภายในประเทศให้ดีขึ้น จึงทำให้เชื่อว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ จะติดลบเพียงร้อยละ 3.2 ดีขึ้นกว่าการคาดการณ์เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ที่คาดว่า จะติดลบร้อยละ 3.4 ทำให้เชื่อว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 3.5 จากเดิมที่คาดว่า จะขยายตัวที่ร้อยละ 3.2 ซึ่งเป็นผลทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจมากขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มดัชนีหุ้นในปลายปีนี้ ที่ 726 จุด สูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์เดิมที่ 674 จุด ส่งผลให้เชื่อว่าในปีหน้าดัชนีหุ้นปลายปีหน้าจะอยู่ที่ 812 จุด จากเดิมคาดการณ์ว่าอยู่ที่ 764 จุด หรือเพิ่มขึ้น 48 จุด โดยประเมินดัชนีสูงสุดในรอบปี 53 จะอยู่ที่ 845 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 625 จุด โดยแสดงให้เห็นว่าดัชนีหุ้นไทยยังมีความผันผวน และแกว่งตัวกว้างถึง 220 จุด
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ร้อยละ 95 เห็นว่าปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศเป็นปัจจัยเสี่ยง ที่กดดันการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในปี 2553 โดยไม่มีนักวิเคราะห์รายใดเห็นว่า มีความมั่นใจมากต่อการเมืองไทย และร้อยละ 50 มีความมั่นใจต่อความมั่นคงทางการเมืองน้อย และร้อยละ 10 ไม่มั่นใจเลย
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมีความกังวลถึงผลกระทบการระงับการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งจะยังส่งผลต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู่ แต่ในภาพรวมกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 2553 จะปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 โดยกลุ่มโรงแรมเติบโตสูงสุด
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ร้อยละ 95 เห็นว่าปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศเป็นปัจจัยเสี่ยง ที่กดดันการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในปี 2553 โดยไม่มีนักวิเคราะห์รายใดเห็นว่า มีความมั่นใจมากต่อการเมืองไทย และร้อยละ 50 มีความมั่นใจต่อความมั่นคงทางการเมืองน้อย และร้อยละ 10 ไม่มั่นใจเลย
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมีความกังวลถึงผลกระทบการระงับการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งจะยังส่งผลต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู่ แต่ในภาพรวมกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 2553 จะปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 โดยกลุ่มโรงแรมเติบโตสูงสุด