นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่เครือซีเมนต์ไทย หรือ เอสซีจี กล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหาโครงการอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ระงับ 56 โครงการ โดยเป็นของเอสซีจี 18 โครงการว่า ส่วนใหญ่เป็นโครงการในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีมูลค่ารวม 57,500 ล้านบาท ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมได้เรียกประชุมผู้ประกอบการทั้งหมดและขอให้ฟังคำสั่งศาลเลิกทำกิจกรรมการก่อสร้างทั้งหมดแล้ว เพราะเห็นว่าเรื่องนี้ควรจะเร่งแก้ไขปัญหาเป็นการด่วน เนื่องจากมีความเสียหายเกิดขึ้นในทุกส่วน
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า 56 โครงการในเครือเกือบทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนมีรัฐธรรมนูญปี 2550 ดังนั้นบางโครงการจึงได้รับการอนุมัติก่อน แต่เนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมีเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ใช้เวลาก่อสร้างนาน เมื่อรัฐธรรมนูญปี 50 มีผลบังคับใช้แต่ไม่มีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎกระทรวงมารองรับ ทำให้หลายโครงการไม่สามารถปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญได้ อย่างไรก็ตาม หากมีกฎหมายออกมารองรับโครงการต่างๆ จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า 56 โครงการในเครือเกือบทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนมีรัฐธรรมนูญปี 2550 ดังนั้นบางโครงการจึงได้รับการอนุมัติก่อน แต่เนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมีเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ใช้เวลาก่อสร้างนาน เมื่อรัฐธรรมนูญปี 50 มีผลบังคับใช้แต่ไม่มีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎกระทรวงมารองรับ ทำให้หลายโครงการไม่สามารถปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญได้ อย่างไรก็ตาม หากมีกฎหมายออกมารองรับโครงการต่างๆ จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้