xs
xsm
sm
md
lg

หุ้น-น้ำมัน-ทองดิ่ง! หลัง"ดูไบเวิลด์"ขอพักหนี้ - แบงก์ไทยไม่กระทบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังบริษัทเพื่อการลงทุน ดูไบ เวิลด์ ของรัฐบาลดูไบ ซึ่งมีหนี้สินรวมกัน 59,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้มีการยื่นเรื่องขอพักชำระหนี้ 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเวลา 6 เดือน ถือว่า เป็นการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 8 ปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก จนทำให้บริษัทขาดสภาพคล่อง สร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนทั่วโลก ทั้งเอเชียและยุโรป ได้พากันเทขายหุ้นอย่างหนักวันนี้ ฉุดดัชนีหุ้นหลักทั่วโลกร่วงไป 3 - 6% รวมถึงราคาน้ำมันดิบและราคาทองคำร่วงตามด้วย
ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดสิงคโปร์ ลดลงไป 3.66 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาทองคำตลาดฮ่องกง ร่วงลง 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนักลงทุนวิตกว่า การขอพักชำระหนี้ของดูไบ เวิลด์ อาจบานปลายกลายเป็นวิกฤตสินเชื่อระลอก 2 โดยเฉพาะในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
ล่าสุด เอสแอนด์พี ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของ ดูไบ เวิลด์ ลงสู่สถานะขยะ
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ไม่น่าจะส่งผลถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดส่งออกใหม่ของไทย โดยปัญหาของดูไบ เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เพิ่งปรากฏปัญหาการพักชำระหนี้ เพราะดูไบ เวิลด์ ก่อหนี้ไว้จำนวนสูง ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540
ส่วนนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ กล่าวถึงวิกฤตเศรษฐกิจของดูไบ ว่า เกิดจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลก ที่มุ่งการใช้จ่ายและขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ทำให้เกิดฟองสบู่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ น้ำมัน ราคาทอง และอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ซึ่งปัญหาที่เกิดกับดูไบ บ่งชี้ว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจวิธีเดิมคงทำไม่ได้อีก
ขณะที่นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ประเมินว่า เมื่อดูไบถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลง จะมีผลต่อการระดมเงินทุนในอนาคต ซึ่งหากรัฐบาลดูไบไม่มีเงิน อาจใช้กลไกในการปรับขึ้นราคาน้ำมัน เนื่องจากหลายประเทศนำเข้าน้ำมันดิบจากดูไบจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ ดูไบ เวิลด์ แสดงความสนใจเข้าร่วมลงทุนในเมกะโปรเจกต์หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาท่าเรือชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย ส่วนธนาคารพาณิชย์ของไทยที่มีการเข้าไปลงทุนกับกลุ่มดูไบ เวิลด์ มีเพียงธนาคารกรุงศรีอยุธยาและธนาคารไทยพาณิชย์ แต่ไม่กระทบมากนัก เป็นเพียงการลงทุนในตราสารของดูไบ ประมาณ 0.1% และเป็นการปล่อยสินเชื่อให้บริษัทร่วมทุนกับดูไบ ประมาณ 3,000 ล้านบาท รวมทั้งมีการกู้เงินจากดูไบประมาณ 100 ล้านบาทเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น