นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อพิจารณายกเลิกบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ว่า ได้เรียกเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย มาให้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันต่อ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกษิตเดินทางไปร่วมประชุมกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ฝ่ายไทยมีข้อมูลที่พร้อมและได้เปรียบที่สุด ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้หารือที่จะเดินหน้านำเอ็มโอยูว่าด้วยเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อให้พิจารณาเห็นชอบยกเลิกเอ็มโอยูฉบับดังกล่าวอย่างแน่นอน เนื่องจากเห็นว่า เอ็มโอยูฉบับนี้จัดทำขึ้นในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2544 ซึ่งจะมีข้อมูลภายในและเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ ที่อาจนำไปแสวงหาผลประโยชน์กับประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนการยกเลิกเอ็มโอยูจำเป็นต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น นายชวนนท์ กล่าวว่า ในเร็วนี้ๆ กระทรวงการต่างประเทศมีแนวคิดที่จะส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพื่อเป็นบรรทัดฐานและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
สำหรับกรณีที่ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงต่อข้อขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชานั้น ก็ต้องขอขอบคุณในความห่วงใย แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาภายในของ 2 ประเทศ ไม่ได้เป็นปัญหาในระดับภูมิภาค ซึ่งคงต้องปล่อยให้เป็นการแก้ไขปัญหาในระดับทวิภาคี
ส่วนการยกเลิกเอ็มโอยูจำเป็นต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น นายชวนนท์ กล่าวว่า ในเร็วนี้ๆ กระทรวงการต่างประเทศมีแนวคิดที่จะส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพื่อเป็นบรรทัดฐานและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
สำหรับกรณีที่ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงต่อข้อขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชานั้น ก็ต้องขอขอบคุณในความห่วงใย แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาภายในของ 2 ประเทศ ไม่ได้เป็นปัญหาในระดับภูมิภาค ซึ่งคงต้องปล่อยให้เป็นการแก้ไขปัญหาในระดับทวิภาคี
