ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัย เรื่องทัศนคติของสาธารณชนในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต่อปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และความเชื่อมั่นต่อประชาธิปไตย โดยสำรวจประชาชนใน 17 จังหวัด จำนวน 1,232 ครัวเรือน ระหว่างวันที่ 1-23 ตุลาคม ที่ผ่านมา พบว่า ทัศนคติของสาธารณชนต่อการยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตคอร์รัปชั่น เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 63.2 ในเดือนตุลาคม 2551 อยู่ที่ร้อยละ 77.5 ในเดือนเดียวกันปีนี้ แสดงให้เห็นว่าทัศนคติของประชาชนอยู่ในภาวะอันตรายมากขึ้น และระบบการแก้ปัญหาทุจริตของรัฐยังไม่สามารถแสดงให้ประชาชนปรับเปลี่ยนทัศนคติที่อันตรายได้ โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดการยอมรับ ได้แก่ การซื้อสิทธิ์ขายเสียง รองลงมาคือปัญหาปากท้อง อย่างไรก็ตามประชาชนส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยว่าจะทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตต่างๆไปได้ มากกว่าระบอบอื่น
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ กล่าวอีกว่า แนวทางลดทอนทัศนคติการยอมรับการทุจริต หน่วยงานรัฐต้องแสดงศักยภาพให้สาธารณชนยอมรับว่าสามารถดำเนินการเอาผิดทุกคนที่ทุจริตได้อย่างเท่าเทียม ควรมีกฎหมายคุ้มครองพยานที่สร้างความมั่นใจว่าจะปลอดภัยและมีชีวิตที่ดีขึ้นหากให้ความร่วมมือกับภาครัฐ และควรเร่งประชาสัมพันธ์การป้องปราบและปรับทัศนคติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ กล่าวอีกว่า แนวทางลดทอนทัศนคติการยอมรับการทุจริต หน่วยงานรัฐต้องแสดงศักยภาพให้สาธารณชนยอมรับว่าสามารถดำเนินการเอาผิดทุกคนที่ทุจริตได้อย่างเท่าเทียม ควรมีกฎหมายคุ้มครองพยานที่สร้างความมั่นใจว่าจะปลอดภัยและมีชีวิตที่ดีขึ้นหากให้ความร่วมมือกับภาครัฐ และควรเร่งประชาสัมพันธ์การป้องปราบและปรับทัศนคติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง