นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ขอให้ทุกประเทศสมาชิกร่วมมือสร้างสรรค์ประชาคมเพื่อต่อสู้กับความท้าทายต่างๆ ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ โรคระบาด สภาพอากาศ รวมทั้งหยิบยกเรื่องการเชื่อมโยงประชาชนและเชื่อมโยงภูมิภาคเป็นประเด็นสำคัญ ผลักดันการค้าเสรีในกลุ่มอาเซียน หรืออาฟต้า ให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ เพื่อเป้าหมายในการพัฒนาประชาคมอาเซียน
ส่วนการพบปะระหว่างภาคประชาสังคมกับผู้นำอาเซียนในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งที่ 2 มีขึ้นในเวลา 11.30 น. แต่ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง เพราะภาคประชาสังคมไม่เข้าพบกับผู้นำ เพราะมีการอนุญาตให้ตัวแทนภาคประชาสังคมที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกกันเองในกลุ่มภาคประชาสังคม ระหว่างมหกรรมประชาชนครั้งที่ 2 เข้าพบได้เพียง 4 ประเทศเท่านั้น คือ ไทย มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ขณะที่อีก 6 ชาติที่เหลือ เป็นตัวแทนภาคประชาสังคมที่ได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาล ซึ่งภาคประชาสังคมมองว่าขัดกับความตั้งใจและเจตนารมณ์ของกฎบัตรอาเซียน ที่ต้องการให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาประชาคมอาเซียน ดังนั้นทุกคนจึงตัดสินใจประท้วง ไม่เข้าพบกับผู้นำและตัวแทนของผู้นำ ในการหารืออย่างไม่เป็นทางการ
ทั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตัวแทนจากภาครัฐบาลปฏิเสธการเข้าพบกับตัวแทนภาคประชาชน เพราะในการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำอาเซียน กับตัวแทนภาคประชาสังคมครั้งแรกที่ชะอำ-หัวหิน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นแล้ว ซึ่งกัมพูชา และพม่าปฏิเสธที่จะพบกับตัวแทนภาคประชาสังคมที่ผ่านการคัดเลือกกันเอง แต่ได้เตรียมตัวแทนจากรัฐบาลเพื่อพบปะหารือกันเอง ซึ่งในครั้งนั้นมีการแสดงความไม่พอใจ แต่การหารือก็เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นการประนีประนอม แต่ในครั้งนี้ต้องจับตาท่าทีของภาคประชาสังคมที่จะมีการแถลงข่าวว่าท่าทีต่อไปจะเป็นเช่นไร
ส่วนการพบปะระหว่างภาคประชาสังคมกับผู้นำอาเซียนในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งที่ 2 มีขึ้นในเวลา 11.30 น. แต่ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง เพราะภาคประชาสังคมไม่เข้าพบกับผู้นำ เพราะมีการอนุญาตให้ตัวแทนภาคประชาสังคมที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกกันเองในกลุ่มภาคประชาสังคม ระหว่างมหกรรมประชาชนครั้งที่ 2 เข้าพบได้เพียง 4 ประเทศเท่านั้น คือ ไทย มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ขณะที่อีก 6 ชาติที่เหลือ เป็นตัวแทนภาคประชาสังคมที่ได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาล ซึ่งภาคประชาสังคมมองว่าขัดกับความตั้งใจและเจตนารมณ์ของกฎบัตรอาเซียน ที่ต้องการให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาประชาคมอาเซียน ดังนั้นทุกคนจึงตัดสินใจประท้วง ไม่เข้าพบกับผู้นำและตัวแทนของผู้นำ ในการหารืออย่างไม่เป็นทางการ
ทั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตัวแทนจากภาครัฐบาลปฏิเสธการเข้าพบกับตัวแทนภาคประชาชน เพราะในการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำอาเซียน กับตัวแทนภาคประชาสังคมครั้งแรกที่ชะอำ-หัวหิน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นแล้ว ซึ่งกัมพูชา และพม่าปฏิเสธที่จะพบกับตัวแทนภาคประชาสังคมที่ผ่านการคัดเลือกกันเอง แต่ได้เตรียมตัวแทนจากรัฐบาลเพื่อพบปะหารือกันเอง ซึ่งในครั้งนั้นมีการแสดงความไม่พอใจ แต่การหารือก็เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นการประนีประนอม แต่ในครั้งนี้ต้องจับตาท่าทีของภาคประชาสังคมที่จะมีการแถลงข่าวว่าท่าทีต่อไปจะเป็นเช่นไร