ภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทเขาพระวิหาร กว่า 20 คน เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกเพิกถอนมติรัฐสภาเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 ที่รับรองการเจรจา โดยมีแผนแม่บทที่ทำไว้เมื่อปี 2546 เรื่องการใช้แผนที่ 1:200,000 เรื่องเขตแดนและสถานการณ์ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เนื่องจากแผนที่ดังกล่าวกรรมการฝรั่งเศสกำหนดแต่เพียงผู้เดียวในการปักปันเขตแดนร่วมไทย-ฝรั่งเศส ซึ่งไทยไม่เคยยอมรับแผนที่อัตราส่วนดังกล่าว และไม่เคยปรากฏในเอกสารลายลักษณ์อักษรใด ไม่เคยเป็นที่รับรู้ของประชาชน หรือสาธารณะ ว่าประเทศไทยยอมรับและดำเนินการตามแผนที่ฉบับของฝรั่งเศส จนทำให้เกิดปัญหาตามมาในการทำสนธิสัญญาระหว่างไทย-กัมพูชา 18 มิถุนายน 2551 ที่เป็นการใช้อำนาจแทนประชาชนโดยไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผลต่อการแบ่งแยกราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน ขัดต่อความสงบเรียบร้อย และสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทเขาพระวิหาร ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก เพิกถอน การพิจารณาบันทึกการประชุม JBC 3 ฉบับ ที่ได้บรรจุร่างข้อตกลงชั่วคราวไทย-กัมพูชา ฉบับ 6 เมษายน 2552 ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งมีเจตนารมณ์ยืนยันการใช้แผนแม่บท พ.ศ. 2546 พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลให้ข้อมูลกับยูเนสโก และคณะกรรมการมรดกโลก เรื่องการชี้มูลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และขอให้รัฐบาล รัฐสภา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (ฝ่ายไทย) กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม เลิกกีดกันประชาชน และให้ข้อมูลกับประชาชนที่ทันต่อเหตุการณ์
ภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทเขาพระวิหาร ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก เพิกถอน การพิจารณาบันทึกการประชุม JBC 3 ฉบับ ที่ได้บรรจุร่างข้อตกลงชั่วคราวไทย-กัมพูชา ฉบับ 6 เมษายน 2552 ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งมีเจตนารมณ์ยืนยันการใช้แผนแม่บท พ.ศ. 2546 พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลให้ข้อมูลกับยูเนสโก และคณะกรรมการมรดกโลก เรื่องการชี้มูลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และขอให้รัฐบาล รัฐสภา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (ฝ่ายไทย) กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม เลิกกีดกันประชาชน และให้ข้อมูลกับประชาชนที่ทันต่อเหตุการณ์