xs
xsm
sm
md
lg

รมว.สธ.สั่งสอบข้อเท็จจริงกรณีหญิงวัย 64 แพ้ยารักษาแผลไฟไหม้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากกรณีที่นางสงวน จิตจำนง อายุ 64 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช ร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 กรณีแพ้ยาหลังจากไปรักษาแผลไหม้ที่หลังเท้าด้านขวาอักเสบพุพอง ที่คลินิกแห่งหนึ่งใน อ.เมืองนครศรีธรรมราช และคลินิกได้จ่ายยาแคปซูลสีดำแดงแก้อักเสบให้ไปกินต่อที่บ้าน 3 เวลา หลังอาหารครั้งละ 1 เม็ด เป็นเวลา 3 วัน หลังจากกินยาได้ 1 วัน มีอาการคันทั้งตัว หน้าบวม มีผื่นคันขึ้นที่แขนและขานั้น ความคืบหน้าในเรื่องนี้ น.พ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งการกำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครศรีธรรมราช เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นการด่วน ให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย จึงขอให้ผู้ป่วยคลายความกังวล และดูแลรักษาร่างกายให้หาย
น.พ.สุพรรณ กล่าวว่า การแพ้ยาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ปัจจุบันพบได้บ่อย ทั้งในผู้ที่ไม่เคยมีประวัติแพ้ยามาก่อน ซึ่งไม่มีโอกาสทราบเลยว่าจะเกิดการแพ้ยาใดหรือไม่ หรือแม้แต่ในผู้ที่เคยใช้ยาชนิดนั้นแล้วไม่เกิดอาการแพ้ ก็อาจเกิดการแพ้ยานั้นเมื่อใช้ครั้งต่อไปก็ได้ ลักษณะของอาการแพ้ยาที่ไม่รุนแรง ได้แก่ ผื่นคัน ลมพิษ ผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง หรือใบหน้า หนังตา ริมฝีปากบวม แต่หากแพ้ยาอย่างรุนแรงจะมีอาการใจสั่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน เป็นลม ชีพจรเต้นเบาและเร็ว หยุดหายใจ ช็อก และเสียชีวิตได้ โดยความรุนแรงของการแพ้ยาในแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรง และหายเองได้เมื่อหยุดยา
ทั้งนี้ ในการปฏิบัติตัวของประชาชนหากสงสัยว่ามีอาการแพ้ยา ขอให้หยุดใช้ยานั้น ถ้าใช้ยาอยู่หลายชนิดและไม่ทราบว่าแพ้ยาตัวไหน ควรหยุดยาทุกชนิด และให้กินยาแก้แพ้ ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ผู้สั่งจ่ายยาทันที เพื่อรักษาอาการแพ้ยาที่เกิดขึ้น และขอให้นำยาทุกชนิดที่กิน ไปแพทย์ดูด้วย เพื่อจะได้วินิจฉัยได้ถูกต้อง และขอให้จดจำชื่อยาที่แพ้ไว้ เพื่อแจ้งแก่แพทย์ในการรักษาครั้งต่อไป ป้องกันไม่ให้เกิดการแพ้ยาอีก นอกจากนี้ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยาที่ไม่ทราบว่าเป็นยาอะไร เช่น ยาชุด ยาที่ไม่มีฉลาก ยาหม้อ ยาต้ม เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น