พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า สำนักคดีอาญาพิเศษ ออกหมายเรียกผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับโครงการแทรกแซงราคามันสำปะหลัง ปี 2551/2552 มูลค่าความเสียหายประมาณ 1,000 ล้านบาท จากจังหวัดอุบลราชธานี มารับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากคณะกรรมการคดีพิเศษได้อนุมัติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ สืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับการทุจริตและฉ้อโกงโครงการดังกล่าว ซึ่งต้องดำเนินการตรวจสอบใน 45 จังหวัด
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ดำเนินกิจการมันสำปะหลังเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีการรับรองใบรับฝากมันสำปะหลัง ใบประทวนสินค้ามันสำปะหลังอันเป็นความเท็จ บิดเบือนหลักเกณฑ์เงื่อนไขของทางราชการ ซึ่งกลุ่มผู้กระทำความผิดได้ว่าจ้างบุคคลที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนปลูกมันสำปะหลัง อันเป็นเท็จ ทั้งยังอ้างต่อเกษตรกรว่าโควตารับฝากมันสำปะหลังเต็ม และต่อรองให้เกษตรกรฝากมันสำปะหลังได้เพียงครึ่งหนึ่งของโควตา ส่วนที่เหลือลานมันจะขอใช้มันสำปะหลังของตัวเอง ซึ่งซื้อมาจากตลาดทั่วไปมาสวมในชื่อเกษตรกรนั้น โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้ดำเนินการ กรอกข้อความการรับรองข้อเท็จจริงและลงชื่อว่ามีการฝากมันสำปะหลังจริง ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น จากนั้นเกษตรกรซึ่งถูกว่าจ้างหรือถูกกดดันให้ฝากมันสำปะหลังเพียงครึ่งหนึ่งของโควตา จะไปขึ้นเงินกับทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ต้องนำเงินทั้งหมด หรือส่วนที่ถูกต่อรองไปส่งมอบให้เจ้าของลานมัน ซึ่งการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ประกอบการลานมันสำปะหลังที่ร่วมโครงการดังกล่าว ทำให้เกษตรกรและรัฐเสียผลประโยชน์และได้รับความเสียหายประมาณ 1,000 ล้านบาท
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่ดีเอสไอออกหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ (27 ส.ค.) มี 17 ราย โดยเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอแต่งตั้ง เบื้องต้นนัดหมายว่าจะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในเวลา 10.00 น. แต่ถึงช่วงบ่ายก็ยังไม่ได้เดินทางมา มีเพียง 3-4 คน ที่มีหนังสือแจ้งว่าติดภารกิจสำคัญจึงไม่สามารถเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาได้ ดังนั้น พนักงานสอบสวนจะประชุมพิจารณาออกหมายจับเพื่อดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ดีเอสไอจะสรุปสำนวนส่งอัยการในบ่ายวันนี้ (27 ส.ค.) ส่วนความผิดเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ดีเอสไอได้หารือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว โดย ป.ป.ช.ตกลงส่งคืนให้ดีเอสไอดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐในคดีที่เกี่ยวกับโครงการแทรกแซงราคามันสำประหลังทั้ง 45 จังหวัด
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ดำเนินกิจการมันสำปะหลังเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีการรับรองใบรับฝากมันสำปะหลัง ใบประทวนสินค้ามันสำปะหลังอันเป็นความเท็จ บิดเบือนหลักเกณฑ์เงื่อนไขของทางราชการ ซึ่งกลุ่มผู้กระทำความผิดได้ว่าจ้างบุคคลที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนปลูกมันสำปะหลัง อันเป็นเท็จ ทั้งยังอ้างต่อเกษตรกรว่าโควตารับฝากมันสำปะหลังเต็ม และต่อรองให้เกษตรกรฝากมันสำปะหลังได้เพียงครึ่งหนึ่งของโควตา ส่วนที่เหลือลานมันจะขอใช้มันสำปะหลังของตัวเอง ซึ่งซื้อมาจากตลาดทั่วไปมาสวมในชื่อเกษตรกรนั้น โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้ดำเนินการ กรอกข้อความการรับรองข้อเท็จจริงและลงชื่อว่ามีการฝากมันสำปะหลังจริง ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น จากนั้นเกษตรกรซึ่งถูกว่าจ้างหรือถูกกดดันให้ฝากมันสำปะหลังเพียงครึ่งหนึ่งของโควตา จะไปขึ้นเงินกับทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ต้องนำเงินทั้งหมด หรือส่วนที่ถูกต่อรองไปส่งมอบให้เจ้าของลานมัน ซึ่งการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ประกอบการลานมันสำปะหลังที่ร่วมโครงการดังกล่าว ทำให้เกษตรกรและรัฐเสียผลประโยชน์และได้รับความเสียหายประมาณ 1,000 ล้านบาท
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่ดีเอสไอออกหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ (27 ส.ค.) มี 17 ราย โดยเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอแต่งตั้ง เบื้องต้นนัดหมายว่าจะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในเวลา 10.00 น. แต่ถึงช่วงบ่ายก็ยังไม่ได้เดินทางมา มีเพียง 3-4 คน ที่มีหนังสือแจ้งว่าติดภารกิจสำคัญจึงไม่สามารถเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาได้ ดังนั้น พนักงานสอบสวนจะประชุมพิจารณาออกหมายจับเพื่อดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ดีเอสไอจะสรุปสำนวนส่งอัยการในบ่ายวันนี้ (27 ส.ค.) ส่วนความผิดเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ดีเอสไอได้หารือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว โดย ป.ป.ช.ตกลงส่งคืนให้ดีเอสไอดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐในคดีที่เกี่ยวกับโครงการแทรกแซงราคามันสำประหลังทั้ง 45 จังหวัด
