เช้าวันนี้ (26 ส.ค.) กลุ่มรถแท็กซี่หลายสิบคันได้ชุมนุมที่กระทรวงพลังงานและหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยยื่นข้อเสนอว่า จะเป็นผู้ขอรับงบประมาณจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 40,000 บาทต่อคัน เพื่อไปเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากแอลพีจีเป็นเอ็นจีวี เนื่องจากไม่มั่นใจว่า เงื่อนไขการประกาศทีโออาร์เพื่อเปิดให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนเชื้อเพลิงจะมีการล็อกสเปกหรือไม่ โดยมีกระแสข่าวว่า กรมธุรกิจพลังงานอาจล็อกสเปกแก่ผู้ประกอบการ 3 ราย และไม่มั่นใจในมาตรฐาน ซึ่ง นายณอคุณ สิทธิพงษ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ได้รับเรื่องและได้นัดหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการในวันพรุ่งนี้ (26 ส.ค.) เพื่อหาทางกำหนดรายละเอียดร่วมกัน
สำหรับงบประมาณกองทุนน้ำมันฯ ในการเปลี่ยนเชื้อเพลิงแท็กซี่จากแอลพีจีเป็นเอ็นจีวี 30,000 คัน อยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาาท เปลี่ยนเชื้อเพลิงให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.นี้ โดยนโยบายนี้กำหนดออกมาเพื่อลดการใช้แอลพีจีในรถยนต์ที่เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ไทยต้องนำเข้าแอลพีจีหลายหมื่นตัน/เดือน โดยคาดว่าหากแท็กซี่เปลี่ยนได้หมดจะลดการนำเข้าได้ 30,000 ตัน/เดือน
นายพีรพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า การดำเนินการเพื่อเปลี่ยนเชื้อเพลิงแท็กซี่ในขณะนี้ยังไม่ได้ร่างทีโออาร์แต่อย่างใด โดยคณะทำงานซึ่งมีนายณอคุณ เป็นประธานยังไม่ได้เรียกประชุม จึงรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมมีข่าวเรื่องล็อกสเปก โดยปัจจุบันมีผู้ที่ได้ใบอนุญาตปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ 20 ราย จะเปิดทีโออาร์ให้เข้ามาแข่งขัน ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่ใช่รายเดียวที่จะชนะประมูล เพราะคาดว่าคงจะดำเนินการไม่ทันกำหนด ซึ่งแนวทางการเปลี่ยนเครื่องยนต์นั้นจะต้องดูถึงมาตรฐานของอุปกรณ์ ราคา รวมถึงเมื่อเปลี่ยนเชื้อเพลิงแล้วอุปกรณ์แอลพีจีทั้งหมดจะต้องนำไปทำลายเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่ไม่ส่งเสริมให้นำแอลพีจีมาใช้ในรถยนต์อีก ซึ่งกระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาว่า การประมูลจะแยกออกเป็นการติดตั้งเครื่องยนต์และการทำลายอุปกรณ์แอลพีจีหรือให้ผู้ชนะประมูลติดตั้งทำลายอุปกรณ์แอลพีจีไปด้วย
สำหรับงบประมาณกองทุนน้ำมันฯ ในการเปลี่ยนเชื้อเพลิงแท็กซี่จากแอลพีจีเป็นเอ็นจีวี 30,000 คัน อยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาาท เปลี่ยนเชื้อเพลิงให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.นี้ โดยนโยบายนี้กำหนดออกมาเพื่อลดการใช้แอลพีจีในรถยนต์ที่เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ไทยต้องนำเข้าแอลพีจีหลายหมื่นตัน/เดือน โดยคาดว่าหากแท็กซี่เปลี่ยนได้หมดจะลดการนำเข้าได้ 30,000 ตัน/เดือน
นายพีรพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า การดำเนินการเพื่อเปลี่ยนเชื้อเพลิงแท็กซี่ในขณะนี้ยังไม่ได้ร่างทีโออาร์แต่อย่างใด โดยคณะทำงานซึ่งมีนายณอคุณ เป็นประธานยังไม่ได้เรียกประชุม จึงรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมมีข่าวเรื่องล็อกสเปก โดยปัจจุบันมีผู้ที่ได้ใบอนุญาตปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ 20 ราย จะเปิดทีโออาร์ให้เข้ามาแข่งขัน ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่ใช่รายเดียวที่จะชนะประมูล เพราะคาดว่าคงจะดำเนินการไม่ทันกำหนด ซึ่งแนวทางการเปลี่ยนเครื่องยนต์นั้นจะต้องดูถึงมาตรฐานของอุปกรณ์ ราคา รวมถึงเมื่อเปลี่ยนเชื้อเพลิงแล้วอุปกรณ์แอลพีจีทั้งหมดจะต้องนำไปทำลายเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่ไม่ส่งเสริมให้นำแอลพีจีมาใช้ในรถยนต์อีก ซึ่งกระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาว่า การประมูลจะแยกออกเป็นการติดตั้งเครื่องยนต์และการทำลายอุปกรณ์แอลพีจีหรือให้ผู้ชนะประมูลติดตั้งทำลายอุปกรณ์แอลพีจีไปด้วย