เวลา 14.00 น.วันนี้ (17 ส.ค.) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท ที่มีจำเลย 44 คน ในจำนวนนี้เป็นรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 5 คน ประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายวราเทพ รัตนากร นายเนวิน ชิดชอบ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม และนายอดิศัย โพธารามิก ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีสื่อมวลชนจำนวนมากมาเฝ้ารอรายงานคำพิพากษา ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยได้มีการจัดวางรั้วเหล็กกั้นทางขึ้นอาคาร ซึ่งผู้ที่จะขึ้นไปห้องพิจารณาจะขึ้นได้เพียงทางเดียว และต้องแลกบัตร รวมทั้งตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ อย่างละเอียด โดยเฉพาะการจัดบริเวณให้กลุ่มที่จะเดินทางมาให้กำลังใจ ซึ่งล่าสุดยังไม่พบกลุ่มผู้ที่จะมาให้กำลังใจนายเนวิน เดินทางมาแต่อย่างใด
ขณะที่เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาได้จัดตั้งโทรทัศน์วรจรปิดเพื่อถ่ายทอดการอ่านคำพิพากษาจากห้องพิจารณาคดีมายังบริเวณชั้นล่าง เนื่องจากห้องพิจารณาคดีไม่กว้างพอที่จะบรรจุผู้ที่จะเข้ารับฟังได้ทั้งหมด ประกอบกับมีการคาดการณ์ว่าจะมีประชาชน รวมทั้งผู้มาให้กำลังใจ มาติดตามการอ่านคำพิพากษาในวันนี้จำนวนมาก แต่ทั้งนี้จะมีการถ่ายทอดสดหรือไม่นั้น ต้องรอการอนุญาตจากองค์คณะก่อน
ส่วนบริเวณโดยรอบศาลฎีกา ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ใช้เส้นทางถนนราชดำเนิน พร้อมกับควบคุมประชาชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจ โดยนำแผงเหล็กมากั้นบริเวณริมฟุตปาธตลอดแนวหน้าศาลฎีกาไปถึงศาลหลักเมือง โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 กองร้อย ทั้งตำรวจปราบจลาจล ตำรวจนครบาล และตำรวจในพื้นที่ ซึ่งเป็นไปตามการประสานขอจากทางศาลฎีกาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในเวลาประมาณ 10.00 น. องค์คณะผู้พิพากษาได้ประชุมลับเพื่อลงมติในแต่ละประเด็น และเขียนคำพิพากษาส่วนตัวเสนอต่อที่ประชุม ก่อนที่จะมีการลงคะแนนและเขียนคำพิพากษากลาง ซึ่งต้องเป็นมติเสียงส่วนใหญ่ขององค์ประชุม จากนั้นในช่วงบ่ายจึงจะเป็นการอ่านคำพิพากษา ซึ่งตามกำหนดเวลาที่ศาลนัดคือ เวลา 14.00 น.
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า หลังเวลาเที่ยงเป็นต้นไปจะมีบรรดากลุ่มผู้ให้กำลังใจ รวมทั้งจำเลยทั้ง 44 คน จะทยอยเดินทางมายังบริเวณศาลฎีกา
ขณะที่เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาได้จัดตั้งโทรทัศน์วรจรปิดเพื่อถ่ายทอดการอ่านคำพิพากษาจากห้องพิจารณาคดีมายังบริเวณชั้นล่าง เนื่องจากห้องพิจารณาคดีไม่กว้างพอที่จะบรรจุผู้ที่จะเข้ารับฟังได้ทั้งหมด ประกอบกับมีการคาดการณ์ว่าจะมีประชาชน รวมทั้งผู้มาให้กำลังใจ มาติดตามการอ่านคำพิพากษาในวันนี้จำนวนมาก แต่ทั้งนี้จะมีการถ่ายทอดสดหรือไม่นั้น ต้องรอการอนุญาตจากองค์คณะก่อน
ส่วนบริเวณโดยรอบศาลฎีกา ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ใช้เส้นทางถนนราชดำเนิน พร้อมกับควบคุมประชาชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจ โดยนำแผงเหล็กมากั้นบริเวณริมฟุตปาธตลอดแนวหน้าศาลฎีกาไปถึงศาลหลักเมือง โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 กองร้อย ทั้งตำรวจปราบจลาจล ตำรวจนครบาล และตำรวจในพื้นที่ ซึ่งเป็นไปตามการประสานขอจากทางศาลฎีกาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในเวลาประมาณ 10.00 น. องค์คณะผู้พิพากษาได้ประชุมลับเพื่อลงมติในแต่ละประเด็น และเขียนคำพิพากษาส่วนตัวเสนอต่อที่ประชุม ก่อนที่จะมีการลงคะแนนและเขียนคำพิพากษากลาง ซึ่งต้องเป็นมติเสียงส่วนใหญ่ขององค์ประชุม จากนั้นในช่วงบ่ายจึงจะเป็นการอ่านคำพิพากษา ซึ่งตามกำหนดเวลาที่ศาลนัดคือ เวลา 14.00 น.
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า หลังเวลาเที่ยงเป็นต้นไปจะมีบรรดากลุ่มผู้ให้กำลังใจ รวมทั้งจำเลยทั้ง 44 คน จะทยอยเดินทางมายังบริเวณศาลฎีกา