พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานสัมมนาผู้บริหารและผู้นำชุมชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ระดับกองบังคับการถึงระดับหัวหน้าสถานีตำรวจ เพื่อสรุปสถานการณ์ อุปสรรค ปัญหา และหาแนวทางแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงในพื้นที่ และหัวหน้าสถานีตำรวจ เข้าร่วมสัมมนา รวม 148 นาย
พล.ต.ท.อดุลย์ กล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ เนื่องจากได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ลงมาพูดคุยกับผู้นำหน่วยในระดับหัวหน้าสถานีในพื้นที่ เพื่อประเมินสถานการณ์ รวมทั้งปรับเปลี่ยนการทำงานให้ดีขึ้น ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ภาพรวมขณะนี้ ในรอบ 9 เดือน ลดลงใกล้เคียงปีที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้เฉลี่ยลดลง 8 เปอร์เซ็นต์
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดเหตุระเบิดล่าสุดที่ อ.ยะหา จ.ยะลา พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการควบคุมผู้ต้องสงสัยที่มีหลักฐานยืนยัน จำนวน 12 คน ส่วนการก่อเหตุของคนร้าย ที่นำเครื่องวิทยุสื่อสารมาเป็นตัวจุดชนวนระเบิดนั้น ตนเองได้สั่งการให้ตรวจสอบเครื่องวิทยุสื่อสารดังกล่าว ซึ่งมีจำหน่ายอยู่ทั่วไป จะต้องดูในข้อบังคับกฎหมาย เพื่อดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ซึ่งขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง พิจารณาการดำเนินการอยู่ เนื่องจากเครื่องวิทยุสื่อสารดังกล่าวสามารถหาซื้อได้ในหลายๆ พื้นที่ ไม่เฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนเหตุคนร้ายยิงที่มัสยิดไอปาแย อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ล่าสุดได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้แล้วจำนวน 1 ราย
พล.ต.ท.อดุลย์ กล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ เนื่องจากได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ลงมาพูดคุยกับผู้นำหน่วยในระดับหัวหน้าสถานีในพื้นที่ เพื่อประเมินสถานการณ์ รวมทั้งปรับเปลี่ยนการทำงานให้ดีขึ้น ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ภาพรวมขณะนี้ ในรอบ 9 เดือน ลดลงใกล้เคียงปีที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้เฉลี่ยลดลง 8 เปอร์เซ็นต์
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดเหตุระเบิดล่าสุดที่ อ.ยะหา จ.ยะลา พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการควบคุมผู้ต้องสงสัยที่มีหลักฐานยืนยัน จำนวน 12 คน ส่วนการก่อเหตุของคนร้าย ที่นำเครื่องวิทยุสื่อสารมาเป็นตัวจุดชนวนระเบิดนั้น ตนเองได้สั่งการให้ตรวจสอบเครื่องวิทยุสื่อสารดังกล่าว ซึ่งมีจำหน่ายอยู่ทั่วไป จะต้องดูในข้อบังคับกฎหมาย เพื่อดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ซึ่งขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง พิจารณาการดำเนินการอยู่ เนื่องจากเครื่องวิทยุสื่อสารดังกล่าวสามารถหาซื้อได้ในหลายๆ พื้นที่ ไม่เฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนเหตุคนร้ายยิงที่มัสยิดไอปาแย อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ล่าสุดได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้แล้วจำนวน 1 ราย