ในการเสวนาพิเศษและวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจการเงิน นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย เปิดเผยว่า จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ประเมินว่าจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยในช่วงปี 2553-2555 ขยายตัวร้อยละ 1-2.5 ต่อปี แต่ก็จะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 ภายในช่วงปี 2555
ขณะที่ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องจากการออกพันธบัตรเข้ามาดูดซับสภาพคล่องในตลาด คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่ในปี 2553 สภาพคล่องในระบบมีความเสี่ยงสูงที่จะตึงตัวต่อเนื่องตามปัจจัยการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะเริ่มส่งผลให้มีความต้องการลงทุนเพิ่มจากภาคเอกชนมากขึ้นและอาจจะเป็นปัจจัยกดดันให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นในปี 2553 เป็นต้นไป
นายสุกิจ กล่าวอีกว่า ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2553 คงไม่ปรับลดลงมากเท่ากับปีนี้ แต่ยังไม่น่าไว้วางใจ โดยประเมินว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะปรับตัวเป็น V Shape ในปี 2554 ขณะที่ภาวะอัตราเงินเฟ้อจะเป็นตัวกดดันเศรษฐกิจโลกได้อีกครั้ง เนื่องจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยประเมินว่า ในปีนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลก เฉลี่ยอยู่ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล อาจจะมีผลทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม - ตุลาคมนี้ เพราะขณะนี้ผู้ผลิตสินค้าเริ่มจะปรับราคาสินค้าขึ้นแล้ว
ขณะที่ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องจากการออกพันธบัตรเข้ามาดูดซับสภาพคล่องในตลาด คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่ในปี 2553 สภาพคล่องในระบบมีความเสี่ยงสูงที่จะตึงตัวต่อเนื่องตามปัจจัยการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะเริ่มส่งผลให้มีความต้องการลงทุนเพิ่มจากภาคเอกชนมากขึ้นและอาจจะเป็นปัจจัยกดดันให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นในปี 2553 เป็นต้นไป
นายสุกิจ กล่าวอีกว่า ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2553 คงไม่ปรับลดลงมากเท่ากับปีนี้ แต่ยังไม่น่าไว้วางใจ โดยประเมินว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะปรับตัวเป็น V Shape ในปี 2554 ขณะที่ภาวะอัตราเงินเฟ้อจะเป็นตัวกดดันเศรษฐกิจโลกได้อีกครั้ง เนื่องจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยประเมินว่า ในปีนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลก เฉลี่ยอยู่ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล อาจจะมีผลทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม - ตุลาคมนี้ เพราะขณะนี้ผู้ผลิตสินค้าเริ่มจะปรับราคาสินค้าขึ้นแล้ว